posttoday

ฝ่าวิกฤตสู่เมืองอนาคต วัน แบงค็อก ชูแนวคิดพัฒนาเมือง "พอเพียง" ยุคโลกรวน

10 ตุลาคม 2568

เวทีเสวนา “Planet Shift 2025” เปิดมุมมองใหม่สู่การพัฒนาเมืองแห่งอนาคต จากแนวคิด “การปรับตัว” สู่ “การออกแบบอนาคต” บนฐานความยั่งยืนและความพอเพียง

KEY

POINTS

  • การสร้างเมืองแห่งอนาคตต้องเน้นความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไปไกลกว่าแค่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • นำหลักปรัชญา "ความพอเพียง" มาเป็นแกนหลักในการพัฒนา โดยมุ่งสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและมีภูมิคุ้มกัน
  • โครงการ วัน แบงค็อก เป็นต้นแบบการนำแนวคิดไปปฏิบัติจริง โดยผสมผสานการออกแบบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เข้ากับเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ เพื่อลดการใช้พลังงานและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีใจกลางเมือง

ในงาน Sustainability Expo 2025 ที่ผ่านมา วัน แบงค็อกได้จัดเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อหลัก “Planet Shift 2025: ฝ่าวิกฤตสู่เมืองแห่งอนาคต” โดยมีผู้นำจากภาครัฐ เอกชน และภาคการเงินเข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการสร้างเมืองที่ยั่งยืนและมีความยืดหยุ่นต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

 

ฝ่าวิกฤตสู่เมืองอนาคต วัน แบงค็อก ชูแนวคิดพัฒนาเมือง "พอเพียง" ยุคโลกรวน

 

เวทีเริ่มต้นด้วยปาฐกถาหัวข้อ “Shaping the Future of Resilience” โดย ดร. ยูเซฟ นาเซฟ ผู้อำนวยการ Adaptation Division ของ UNFCCC ซึ่งเน้นย้ำว่าการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศไม่ได้จำกัดเพียงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังรวมถึงการออกแบบเมืองให้มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ การวางแผนเช่นนี้ต้องคำนึงถึงความเป็นจริงทางนิเวศวิทยา พลวัตของเทคโนโลยี และผลกระทบระยะยาวต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ดร. ยูเซฟยังเน้นถึงความสำคัญของการผสานความรู้จากวิทยาศาสตร์สมัยใหม่และภูมิปัญญาดั้งเดิม พร้อมสรุปว่า “อนาคตไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา แต่เราคือผู้สร้างอนาคต” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองสู่ความยั่งยืน

 

ฝ่าวิกฤตสู่เมืองอนาคต วัน แบงค็อก ชูแนวคิดพัฒนาเมือง "พอเพียง" ยุคโลกรวน

 

ต่อมาในช่วงสนทนาพิเศษ “The Future-Proof Paradigm: เส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน” ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ได้สะท้อนมุมมองของภาคเอกชนต่อการพัฒนาเมืองแห่งอนาคต โดยชี้ว่าการพัฒนาเมืองไม่ได้หมายถึงเพียงการเติบโตทางกายภาพ แต่ต้องรวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ควบคู่ไปกับการสร้างสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

 

แนวคิด “พอดี มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกัน” ถูกหยิบยกขึ้นเป็นรากฐานของการพัฒนา โดยยืนยันว่าความพอเพียงไม่ได้หมายถึงการหยุดนิ่ง แต่เป็นการเติบโตอย่างมีเหตุผลและมีภูมิคุ้มกัน ซึ่งถือเป็นสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการรักษาทรัพยากรเพื่อความยั่งยืน การมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างเมือง ผู้คน และสิ่งแวดล้อมทำให้ทุกการเติบโตขององค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง ส่งผลต่อกันและกัน ทำให้การพัฒนาเมืองเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม

 

ในเวที Panel Discussion เรื่อง “Sufficiency in City Development: Private & Public Sectors Undertaking” ผู้แทนจากภาครัฐ เอกชน และภาคการเงินได้แลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองที่ยึดหลักความพอเพียง พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เน้นถึงการปรับใช้แนวคิดความพอเพียงในระดับเมือง เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์ทรัพยากรสำหรับคนรุ่นต่อไป โดยเฉพาะในด้านการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ดร. จิระวัฒน์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ จากธนาคารกรุงเทพ เสริมว่าเมืองที่พอเพียงต้องยืนอยู่บนฐานเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่แข็งแรง พร้อมย้ำบทบาทของภาคการเงินในการสนับสนุนการลงทุนสีเขียว เพื่อลดคาร์บอนและสนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น Paris Agreement

 

ฝ่าวิกฤตสู่เมืองอนาคต วัน แบงค็อก ชูแนวคิดพัฒนาเมือง "พอเพียง" ยุคโลกรวน

 

แนวคิดนี้สะท้อนชัดเจนผ่านการพัฒนาโครงการ วัน แบงค็อก ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรดินใจกลางเมืองอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมคืนพื้นที่สีเขียวขนาด 25 ไร่ให้กับเมือง โครงการนี้ออกแบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการใช้ระบบขนส่งมวลชน การเชื่อมต่อทางด่วนเพื่อลดปัญหาจราจร และการสร้างสาธารณูปโภคที่ประหยัดพลังงานและน้ำ เช่น ระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ที่ช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 15% และระบบรีไซเคิลน้ำที่ช่วยประหยัดน้ำประปาได้เกือบ 3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีฃ

 

การลงทุนในโครงการสีเขียวยังช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และดึงดูดลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติที่มักเลือกอาคารสีเขียวเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ การเป็นโครงการสีเขียวยังช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียว (Green Financing) ได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืน

 

ในเชิงเทคนิค วัน แบงค็อกมีการนำเทคโนโลยี Smart Building และระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Energy Management System) มาใช้ควบคู่กับแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance) ทำให้สามารถติดตามและปรับปรุงการใช้พลังงานและน้ำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบอาคารและพื้นที่สาธารณะยังคำนึงถึงการสร้าง Microclimate ที่ดี ลดความร้อนสะสมในเมือง และส่งเสริมสุขภาวะของผู้อยู่อาศัยผ่านการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการเดินและจักรยาน

 

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างเมืองแห่งอนาคตที่ไม่เพียงสวยงามและเจริญก้าวหน้า แต่ยังคงความพอเพียง ยั่งยืน และสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจากกรอบความคิดที่ถูกต้อง การลงมือทำอย่างต่อเนื่อง และความร่วมมือระหว่างทุกฝ่าย เพื่อให้เมืองสามารถรองรับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศและการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนทุกเจเนอเรชัน

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ วูล์ฟ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68