ปิดประตูกาสิโนไทย กมธ.สว.สับเละร่างเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ฯ ดัน Wellness Complex
กมธ.สว.ฟันธงร่าง พ.ร.บ. Entertainment Complex ล้มเหลวทุกมิติ ชี้กาสิโนไม่สร้างเศรษฐกิจ เสี่ยงสังคมพัง เสนอทางออกใหม่ด้วย Wellness Complex
KEY
POINTS
- คณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภา (กมธ.สว.) มีมติไม่เห็นชอบกับร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนเป็นหัวใจหลัก โดยชี้ว่าเป็นนโยบายที่ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ไม่มีหลักฐานรองรับและเต็มไปด้วยความเสี่ยงรอบด้าน
- กมธ.สว. ได้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงลบของกาสิโนใน 4 มิติสำคัญ ได้แก่ เศรษฐกิจที่ไม่ยั่งยืน, ปัญหาสังคมและสุขภาพจิต, การขัดต่อหลักศีลธรรมและวัฒนธรรม, และประเด็นด้านกฎหมายที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ
- แทนที่จะเป็นกาสิโน กมธ.สว. ได้เสนอทางเลือกที่ยั่งยืนกว่าคือการผลักดัน "Wellness Complex" หรือศูนย์สุขภาพและการแพทย์ครบวงจร ซึ่งสอดคล้องกับจุดแข็งของประเทศไทยและสามารถสร้างรายได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาสังคม
การประชุมวุฒิสภาในวันอังคารที่ 23 กันยายน 2568 มีวาระสำคัญให้จับตา คือการพิจารณารายงานการศึกษาเรื่อง “การเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน” ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภา นำโดย นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย รายงานนี้ได้ส่งมอบต่อประธานวุฒิสภาเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมข้อสรุปชัดเจนว่า ไม่เห็นชอบกับนโยบายการผลักดัน Entertainment Complex ที่มี “กาสิโน” เป็นหัวใจหลัก เพราะตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ไร้หลักฐานรองรับและเต็มไปด้วยความเสี่ยง
การผลักดันแบบเร่งรีบของรัฐบาล
เรื่องนี้เริ่มต้นจากรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ผลักดันร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … เป็น “เรื่องด่วน” โดยอ้างว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว สร้าง “Man-Made Destination” ที่มีคาสิโนเป็นจุดขายหลัก ดึงดูดการลงทุนขนาดใหญ่และแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย
แต่การเร่งผลักดันโดยขาดคำชี้แจงที่รอบด้าน กลับสร้างข้อกังขาในสังคม โดยเฉพาะผลกระทบต่อศีลธรรม สังคม และสุขภาพที่รัฐบาลยังไม่ตอบชัดเจน
บทบาทของ กมธ.วิสามัญวุฒิสภา
ด้วยความอ่อนไหวของเรื่องนี้ วุฒิสภาจึงตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 35 คน เมื่อ 8 เมษายน 2568 ศึกษาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ กฎหมาย และสังคมอย่างละเอียด ใช้เวลาศึกษา 180 วัน มีทั้งอนุกรรมาธิการย่อยและการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลาย เช่น นักวิชาการ หน่วยงานรัฐ องค์กรศาสนา อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตลอดจนบริษัทเกมมิ่งต่างชาติ
ผลลัพธ์คือรายงานฉบับใหญ่ที่สะท้อนมุมมองรอบด้าน พร้อมคำวินิจฉัยหนักแน่นว่า “กาสิโนไม่ใช่คำตอบของประเทศไทย”
ความล้มเหลว 4 มิติของกาสิโน
1. เศรษฐกิจ – เงินโอน ไม่ใช่การสร้างมูลค่าเพิ่ม
การพนันเป็นเพียงการโอนเงินจากคนหนึ่งสู่อีกคน ไม่สร้าง GDP
ธุรกิจกาสิโนโลกกำลังเป็น Sunset Industry ถูกแทนที่ด้วยออนไลน์
รัฐบาลคาดรายได้ภาษีกว่า 50,000 ล้านบาท/ปี จากสมมติฐานที่ไม่จริง เช่น การคาดว่าคนไทยเล่นถึง 21 ล้านครั้ง/ปี ทั้งที่ร่างกฎหมายกำหนดคุณสมบัติผู้เล่นสูงจนมีผู้เข้าเกณฑ์จริงไม่ถึงหมื่นคน
ความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศ หากจีนประกาศ “บัญชีดำ” ประเทศที่เปิดบ่อน
ค่าเสียโอกาสมหาศาล หากนำพื้นที่มูลค่าสูง เช่น คลองเตย ไปทำกิจการที่มีความเสี่ยง
2. สังคมและสุขภาพ – การพนันคือโรคเสพติด
WHO และ APA จัดการติดพนันเป็น Behavioral Addiction
การรักษาซับซ้อน หายขาดได้เพียงครึ่งหนึ่ง ภาระตกที่ระบบสาธารณสุข
กาสิโนเสี่ยงเป็นแหล่งฟอกเงินและอาชญากรรมข้ามชาติ
3. ศีลธรรมและวัฒนธรรม – ขัดกับทุกศาสนา
พุทธ: การพนันคืออบายมุข
อิสลาม: ถือว่า ฮะรอม
คริสต์–ฮินดู: มองว่าเป็นกิจกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยความโลภ
การทำให้บ่อนถูกกฎหมายเท่ากับบ่อนทำลายศีลธรรมและค่านิยมเยาวชน
4. กฎหมายและธรรมาภิบาล – ขัดรัฐธรรมนูญและรวมศูนย์อำนาจ
กฎหมายคาสิโนขัดกับหลักนิติธรรมและศีลธรรมอันดีของประชาชน
ร่างกฎหมายให้อำนาจคณะกรรมการที่ซ้อนทับ ครม. เกือบทั้งหมด อาจนำไปสู่การใช้อำนาจเกินขอบเขต
ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ทางออก Wellness Complex แทนกาสิโน
กมธ.เสนอโมเดลที่ยั่งยืนกว่า คือ “Wellness Complex” ศูนย์สุขภาพและการแพทย์ครบวงจร ที่เป็น Sunrise Sector สอดคล้องกับจุดแข็งไทยด้านการแพทย์และการดูแลผู้สูงอายุ สามารถสร้างรายได้จาก “เงินสีขาว” โปร่งใส ไม่สร้างปัญหาสังคม และยังเสริมภาพลักษณ์ประเทศ
คำแนะนำต่อวุฒิสภาและรัฐบาล
คณะกรรมาธิการวิสามัญสรุปชัดว่า “ไม่ควรสนับสนุนกาสิโนในประเทศไทย” พร้อมเสนอแนวทางดังนี้
1. ทบทวนร่างกฎหมาย ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม
2. ไม่เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. หากรัฐบาลยังเดินหน้าโดยไม่แก้ไขข้อกังวล
3. ทำประชามติ ให้ประชาชนร่วมตัดสินใจ เพราะโพลชี้ว่า 61.6% ของประชาชนเห็นด้วยกับการใช้ประชามติในประเด็นนี้
สรุป
รายงานของ กมธ.วุฒิสภาฉบับนี้คือการ “ปิดประตูกาสิโน” ในไทยอย่างเป็นทางการ เหตุผลชัดเจนทั้งเศรษฐกิจที่ไม่ยั่งยืน สังคมที่เสี่ยงเจ็บป่วย อาชญากรรมที่จะตามมา ศีลธรรมที่ถูกบั่นทอน และกฎหมายที่บิดเบือนอำนาจ พร้อมกันนั้นยังเปิดทางเลือกใหม่ที่เข้ากับบริบทไทยมากกว่า คือ Wellness Complex ที่อาจกลายเป็นอนาคตใหม่ของเศรษฐกิจไทยโดยไม่แลกด้วยความเสี่ยงมหาศาล


