กทพ.เคาะสะพานเชื่อมสมุย 4 หมื่นล้าน หวังบูมท่องเที่ยวภาคใต้
การทางพิเศษฯ เดินหน้าโปรเจกต์ใหญ่สร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย งบกว่า 4 หมื่นล้านบาท หวังแก้ปัญหาเดินทาง-กระตุ้นเศรษฐกิจเต็มสูบ
'สะพานเชื่อมเกาะสมุย' งบกว่า 4 หมื่นล้าน ปักหมุดยกระดับเศรษฐกิจ สร้างรายได้หมุนเวียนครั้งใหญ่
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ประกาศความคืบหน้าโครงการ "สะพานเชื่อมเกาะสมุย" หลังได้ข้อสรุปแนวเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดแล้ว โดยคาดใช้งบลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านบาท มีแผนเริ่มก่อสร้างในปี 2572 และคาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ในปี 2576 ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมการเดินทางและเศรษฐกิจของเกาะสมุยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ประตูสู่โอกาสใหม่: การขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนเกาะสมุย
โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ที่ถูกมองว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อภาคเศรษฐกิจของเกาะสมุยและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่การเข้าถึงเกาะสมุยมีข้อจำกัดด้านปริมาณและจำนวนเที่ยวบิน ทำให้การเดินทางและการขนส่งมีความไม่แน่นอนและมีค่าใช้จ่ายสูง การมีสะพานเชื่อมแห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้หมุนเวียนในหลายมิติ:
การเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว: สะพานจะทำให้การเดินทางเข้า-ออกเกาะสมุยเป็นไปอย่างราบรื่นตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางลงอย่างมาก ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้มากขึ้น
กระตุ้นการท่องเที่ยว: การเข้าถึงที่ง่ายขึ้นจะช่วยขยายฐานนักท่องเที่ยวจากกลุ่มที่เดินทางด้วยเครื่องบินไปสู่กลุ่มที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และบริการต่าง ๆ บนเกาะ
เพิ่มศักยภาพการขนส่ง: สะพานแห่งนี้จะช่วยลดต้นทุนและเวลาในการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อภาคธุรกิจบนเกาะ ทำให้สินค้ามีความสดใหม่และสามารถบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์: กทพ. มีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ควบคู่ไปกับโครงการ ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างรายได้เสริมเพื่อลดภาระค่าผ่านทางเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการจำหน่ายสินค้าและสร้างอาชีพ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับท้องถิ่น
ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม: สิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน
แม้จะมีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจสูง แต่การก่อสร้างสะพานข้ามทะเลระยะทางกว่า 25 กิโลเมตร ทำให้เกิดความกังวลถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล ชี้ว่าพื้นที่ก่อสร้างมีทรัพยากรทางทะเลที่เปราะบาง เช่น หญ้าทะเล ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญของสัตว์ทะเล, แนวปะการัง ซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครองและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศ, รวมถึงเป็นแหล่งวางไข่ของ เต่าทะเล
การก่อสร้างอาจทำให้เกิดตะกอนที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้ ดร.ธรณ์จึงเน้นย้ำว่าการทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนาจะสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทรัพยากรทางทะเลคือหัวใจสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังเกาะสมุย


