เปิดวิสัยทัศน์ “ชูกิจ ลิมปิจำนงค์” แห่ง สวทช.ชู AI ยกระดับการศึกษา พัฒนาเมือง
“ชูกิจ ลิมปิจำนงค์” ผอ.สวทช. วาระ 2 เปิดวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนเมืองด้วยนวัตกรรม ชู AI ยกระดับการศึกษา- หนุนการแพทย์แม่นยำ มุ่งสร้างเกษตรอัจฉริยะ –อุตสาหกรรม 4.0
“ชูกิจ ลิมปิจำนงค์” ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานในวาระ 2 ว่า สวทช. จะรับเอาโจทย์ประเทศจากผู้ที่มีปัญหาจริง และนักวิจัยรวมพลังทำจริง สวทช. จับมือกับกระทรวงต่าง ๆ ทำเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ที่มีหน้าที่บริการประชาชนทำได้ดีขึ้น อาทิ
ด้านการศึกษา สวทช. จับมือกระทรวงศึกษาธิการ ขับเคลื่อนการใช้ AI ยกระดับการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำด้านการเรียนรู้ ผ่านแพลตฟอร์ม LEAD Education ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านการศึกษา (EdTech) ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการเรียนรู้โดยตรง โดยระบบจะใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากแพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้ครูสามารถเข้าไปช่วยเหลือและพัฒนาผู้เรียนแต่ละคนได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที รวมถึงแพลตฟอร์ม ‘KidBright μAI (คิดไบรท์ ไมโครเอไอ)’ ฝึกเขียนโค้ดและสร้างโมเดล AI เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ชีวิต
ด้านเกษตร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตและสร้างความมั่นคงทางอาหาร สวทช. จับมือทำงานร่วมกับหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเปลี่ยนเกษตรแบบดั้งเดิม สู่เกษตรสมัยใหม่ ผลักดันการใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการพัฒนาโรงเรือนอัจฉริยะขนาดใหญ่ (Plant Factory) สามารถผลิตพืชผักและสมุนไพรมูลค่าสูงได้ตลอดทั้งปี การพัฒนาชุดตรวจโรคใบด่างมันสำปะหลังเพื่อบรรเทาปัญหา ผลผลิตในอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง เพื่อแก้ปัญหาโรคพืช รวมถึงการใช้ชีวภัณฑ์ควบคุมศัตรูพืชเพื่อความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ สวทช. ได้ทำงานร่วมกับกรมปศุสัตว์เพื่อพัฒนาและขยายผลการพัฒนาวัคซีนสัตว์
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข สวทช. พร้อมทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข นำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา สู่ “การแพทย์แม่นยำ” ทั้งการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลกลางการแพทย์ (Medical AI Data Platform) ของประเทศไทย เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการผลิต AI สำหรับการวินิจฉัยโรคจากภาพถ่ายทางการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันได้รวบรวมภาพถ่ายทางการแพทย์แล้วกว่า 2.2 ล้านภาพ ครอบคลุม 8 กลุ่มโรคสำคัญ เช่น โรคทรวงอก มะเร็งเต้านม และโรคตา เพื่อให้นักวิจัยไทยสามารถพัฒนาเอไอช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
นอกจากนี้ยังขับเคลื่อนโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย (Genomics Thailand) เพื่อนำข้อมูลจีโนมมาพัฒนาการวินิจฉัยรักษาคนไทยที่แม่นยำ ประหยัดค่าใช้จ่าย และป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านอุตสาหกรรม สวทช. จับมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่ออุตสาหกรรม 4.0 เข้าสู่โรงงาน เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องมาตรฐานโรงงาน โดยพัฒนาแพลตฟอร์มเพิ่มคุณภาพการผลิต สนับสนุนผู้ประกอบการไทยยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 แบบครบวงจร
อีกทั้งผนึกกำลังผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนักวิจัย อุตสาหกรรม ภาคเอกชน นักนวัตกร ทำงานร่วมกันผ่านศูนย์นวัตกรรมเพื่อการผลิตที่ยั่งยืน (SMC) ในการพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการ โรงงานต่าง ๆ ได้ใช้ประโยชน์จากศูนย์ SMC ทั้งในรูปแบบการสาธิต การเรียนรู้และการทดลองปฏิบัติ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ พัฒนาสู่โรงงานอัจฉริยะ เป็นต้น
นอกจากนี้ สวทช. ยังจับมือกับกระทรวงมหาดไทย และภาครัฐที่ต้องการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่าง ๆ ได้ใช้ประโยชน์แพลตฟอร์ม Traffy Fondue เพื่อบริหารจัดการภาครัฐด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี และ สวทช. ยังได้พัฒนาแอปพลิเคชัน ระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการติดตามและเฝ้าระวัง สถานการณ์ทางธรรมชาติแบบเรียลไทม์ (TanPibut) หรือ ทันพิบัติ ให้กับหน่วยงานด้านเตือนภัยพิบัติของประเทศใช้ประโยชน์ได้ทันทีในยามที่ประเทศต้องเผชิญภัยธรรมชาติ


