กพอ.ไฟเขียว EEC เจรจาสางปัญหาอู่ตะเภา อนุญาตบี.กริมผลิตไฟฟ้าเมืองการบิน
ความหวังเมืองการบิน กพอ. เห็นชอบให้ สกพอ. เจรจาแก้ปัญหาโครงการอู่ตะเภา รุกเดินหน้าต่อ และ อนุญาต บี.กริม เพาเวอร์ ดำเนินธุรกิจพลังงานในเขตเมืองการบินภาคตะวันออก
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 3/2568 ณ ห้องประชุมสำนักงานรัฐมนตรี อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง โดยมี นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. ทำหน้าที่เลขานุการ
ทั้งนี้ ที่ประชุม กพอ. ได้พิจารณาและมีมติดังนี้
1. แนวทางแก้ปัญหาโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
รับทราบปัญหาอุปสรรค และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายหลังการลงนามสัญญาร่วมทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งผลกระทบต่อความเป็นไปได้ทางการเงินของโครงการฯ และอาจมีผลให้เอกชนคู่สัญญาไม่สามารถดำเนินโครงการได้ รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาครัฐ และเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรี รับทราบปัญหาอุปสรรคดังกล่าว และมอบหมายให้ สกพอ. เจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคทั้งหมดบนพื้นฐานความสมเหตุสมผล เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการฯ และเกิดการลงทุนได้จริง
2. อนุญาตให้บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจพลังงานในเขต EECa
ตามอำนาจตามมาตรา 37 (4) แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 กพอ. มีมติอนุญาตให้บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ประกอบกิจการพลังงานภายในเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) โดยการอนญาตเป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงาน
ทั้งนี้การอนุญาตดังกล่าว ครอบคลุมถึง
1) การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 18 เมกะวัตต์
2) การจำหน่ายไฟฟ้า ขนาดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 15 เมกะวัตต์ ให้แก่กิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ระยะเวลา 25 ปี
3) การอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ลำดับที่ 88 (1)
4) การอนุญาตให้ผลิตพลังงานควบคุม (พ.ค.2) เป็นระยะเวลา 4 ปี
โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นหนึ่งในโครงการเร่งด่วนภายใต้แผนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีเป้าหมายในการยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินและโลจิสติกส์ของภูมิภาค แต่การดำเนินงานที่ผ่านมาเผชิญกับปัญหาด้านการบริหารสัญญาและผลกระทบด้านการเงิน ทำให้ภาครัฐต้องเข้ามาหารือแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อแผนการพัฒนาระดับประเทศในระยะยาว
ในขณะเดียวกัน ภาคเอกชนยังคงมีบทบาทสำคัญในโครงการเขตพิเศษนี้ โดยเฉพาะในด้านพลังงานสะอาด ซึ่งบี.กริม เพาเวอร์ ถือเป็นหนึ่งในเอกชนรายใหญ่ที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีและเงินทุนในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน สนับสนุนการเติบโตของเมืองการบินอย่างยั่งยืนตามนโยบาย EEC Green & Smart City


