วิวัฒนาการของ "เมืองอัจฉริยะ" สนามแข่งขันของผู้นำเทคโนโลยีโลก
โครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะของ Smart City กำลังเป็นสนามแข่งแห่งใหม่ที่ดุเดือดของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก โจทย์คือเมืองที่ฉลาดและยั่งยืน ใครคือผู้เล่นสำคัญในเกมนี้?
KEY
POINTS
- ตลาดสมาร์ตซิตี้ โตเร็ว ร้อนแรง และเต็มไปด้วยโอกาส คือสนามแข่งขันอันดุเดือดของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก ผู้อยู่เบื้องหลังโครงสร้างเมืองอัจฉริยะ
- Cisco กระดูกสันหลังของเครือข่ายเมืองทั่วโลก
- IBM มันสมองวิเคราะห์ที่พลิกเกมเมืองสมัยใหม่
- Siemens วิศวกรแห่งโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ
- Schneider Electric หัวใจสีเขียวของเมืองแห่งอนาคต
ในขณะที่ประชากรโลกกว่า 70% จะอาศัยอยู่ในเขตเมืองภายในปี 2050 ความท้าทายจึงไม่ใช่แค่การขยายพื้นที่ แต่คือการทำให้ทุกตารางเมตรของเมือง “ฉลาด” และ “ยั่งยืน” มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
วันนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือของมนุษย์อีกต่อไป แต่มันกลายเป็นโครงสร้างหลักที่หล่อหลอมอนาคตของมหานครทั่วโลก โลกของเมืองฉลาดหรือ Smart City ที่แท้ไม่ได้เป็นแค่คำศัพท์แปะฉลากสินค้าสุดล้ำ แต่เป็นโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่กำลังเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 22.9% ในช่วงปี 2024–2031 จากรายงานของ DataM Intelligence
เมืองที่ฉลาดขึ้น หมายถึงเมืองที่เชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ระบบไฟจราจร พลังงาน การแพทย์ ไปจนถึงการจัดการขยะ โดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหัวใจหลัก เมืองเหล่านี้ไม่เพียงตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ดีขึ้น แต่ยังกลายเป็นสนามแข่งขันแห่งใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก
แล้วใครคือผู้เล่นสำคัญในเกมนี้?
ตลาดสมาร์ตซิตี้ โตเร็ว ร้อนแรง และเต็มไปด้วยโอกาส
จากการวิเคราะห์ของ DataM Intelligence ตลาดสมาร์ตซิตี้ทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ โดยคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 22.9% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2024 จนถึง 2031 นี่คือการขยายตัวที่ไม่ธรรมดา เพราะมันสะท้อนถึงการเปลี่ยนโฉมของเมืองทั่วโลกแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
ในภูมิภาค GCC (กลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซีย) อย่างดูไบ อาบูดาบี หรือริยาด ก็กำลังเดินหน้าลงทุนอย่างมหาศาล โดยมูลค่าตลาดในปี 2024 สูงถึง 145.54 พันล้านดอลลาร์ และมีแนวโน้มเติบโตสูงถึง 25.7% ต่อปี ไปจนถึงปี 2032
ปัจจัยผลักดัน เมื่อเทคโนโลยีกลายเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเมือง
IoT และ 5G
อุปกรณ์ IoT กำลังกลายเป็น “ตา หู และเซ็นเซอร์” ของเมืองอัจฉริยะ ด้วยการเติบโตเฉลี่ย 18.9% ต่อปี การเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์ผ่าน 5G ทำให้ระบบจราจรอัจฉริยะ ไฟถนน หรือแม้แต่ระบบไฟฟ้า สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์จริง
AI (ปัญญาประดิษฐ์)
เมืองที่มี AI ก็เหมือนมี “มันสมองอัจฉริยะ” ที่ช่วยคาดการณ์ปัญหา เช่น ภัยธรรมชาติ การจราจร หรือการใช้พลังงานล่วงหน้า ตลาด AI สมาร์ตซิตี้มีแนวโน้มพุ่งจาก 39.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปแตะ 460.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2034
Digital Twins
เมืองจำลองแบบเสมือน (Digital Twin) ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ทุกจุดของเมืองได้ลึกระดับโมเลกุล ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ มลพิษ หรือการวางผังเมือง โดยมีการคาดว่าในปี 2025 จะมีเมืองกว่า 500 แห่งทั่วโลกที่นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริง เช่น Los Angeles และ Houston
เมกะเทรนด์ที่กำลังกำหนดเมืองแห่งอนาคต
- การเร่งตัวของประชากรเมือง ภายในปี 2050 ประชากรโลกกว่า 70% จะอาศัยอยู่ในเขตเมือง (จากคาดการณ์ของ UN) ความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะจึงยิ่งทวีคูณ
- ความยั่งยืนและพลังงานสีเขียว Smart Grid, Green Building และเทคโนโลยีบริหารจัดการพลังงานแบบเรียลไทม์ช่วยลดการใช้พลังงานและคาร์บอน
- Smart Governance ระบบบริหารภาครัฐแบบ e-Governance ที่ใช้ AI และ IoT ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและให้ประชาชนมีส่วนร่วมผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
- Smart Mobility & EV Infrastructure ระบบขนส่งอัตโนมัติ เส้นทางรถ EV และ Smart Traffic Lights กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของเมืองทั่วโลก
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ผู้อยู่เบื้องหลังเมืองอัจฉริยะ
เมื่อพูดถึงเมืองอัจฉริยะ หากไม่พูดถึงบทบาทของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เป็น “ขุมพลัง” ขับเคลื่อนเบื้องหลังการเปลี่ยนผ่านของเมืองต่าง ๆ เหล่านี้คงไม่ได้
Cisco กระดูกสันหลังของเครือข่ายเมืองทั่วโลก
ลองจินตนาการถึงเมืองที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านเครือข่ายไร้รอยต่อ ตั้งแต่ไฟถนนไปจนถึงระบบสุขภาพ เมืองแบบนั้นไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน หากมี Cisco อยู่เบื้องหลัง
ด้วยแพลตฟอร์ม Smart+Connected Communities เมืองต่าง ๆ อย่างบาร์เซโลนาและโตรอนโตสามารถรวมระบบขนส่ง กล้องวงจรปิด และการบริหารเมืองไว้ในระบบคลาวด์เดียวกัน ข้อมูลจากเซนเซอร์ IoT และ edge computing ช่วยให้เมืองตอบสนองแบบเรียลไทม์ต่อการจราจรที่หนาแน่นหรือการใช้พลังงานที่เกินกำหนด
เหนือสิ่งอื่นใด Cisco ยังยืนหนึ่งเรื่อง Cybersecurity เพื่อป้องกันการโจมตีระบบเมืองที่อาจทำให้เมืองทั้งเมืองหยุดชะงัก
IBM มันสมองวิเคราะห์ที่พลิกเกมเมืองสมัยใหม่
ถ้า Cisco คือกระดูกสันหลัง IBM ก็คือสมองที่ช่วยให้เมืองคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
IBM Intelligent Operations Center คือเครื่องมือที่รวมข้อมูลจากทุกระบบในเมืองเพื่อวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ พร้อมใช้ AI อย่าง Watson มาช่วยคาดการณ์ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม การจราจร หรือปริมาณการใช้พลังงาน
โครงการ Smart Water ที่ริโอเดอจาเนโร หรือระบบ Emergency Response ในนิวยอร์ก ล้วนเกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของ IBM
เมืองจึงไม่ต้องรอให้วิกฤตเกิดขึ้นก่อนค่อยตอบสนอง แต่สามารถ "คาดการณ์" และ "ป้องกัน" ได้ล่วงหน้า
Siemens วิศวกรแห่งโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ
หากคุณเดินผ่านสถานีรถไฟฟ้าอัตโนมัติ ระบบไฟถนนอัจฉริยะ หรืออาคารที่ควบคุมพลังงานแบบเรียลไทม์ มีโอกาสสูงที่ Siemens อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้
ด้วย Smart Infrastructure Division บริษัทเยอรมันรายนี้กำลังวางโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของเมืองในระดับรากฐาน ตั้งแต่ smart grids ไปจนถึง microgrid ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน Siemens ยังมี City Performance Tool (CyPT) ที่ช่วยเมืองจำลองสถานการณ์ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมก่อนลงทุนจริง
จากยุโรปถึงเอเชีย เมืองใหญ่กำลังกลายเป็นระบบนิเวศอัจฉริยะที่ประหยัดพลังงานและลดคาร์บอน โดยมี Siemens เป็นวิศวกรผู้ออกแบบ
Schneider Electric หัวใจสีเขียวของเมืองแห่งอนาคต
ทุกเมืองที่ต้องการไปให้ไกลกว่าแค่ความอัจฉริยะ ต้องคิดถึงความยั่งยืน และที่นั่นคือพื้นที่ของ Schneider Electric
แพลตฟอร์ม EcoStruxure ของบริษัทนี้ไม่ได้เพียงเชื่อมต่อไฟฟ้า น้ำ และอาคารเท่านั้น แต่ยังสร้างโมเดลพลังงานใหม่ที่เมืองสามารถ “เช่าใช้” พลังงานได้ตามต้องการในรูปแบบ Energy-as-a-Service
Schneider ยังผลักดันแนวคิด Smart Buildings ที่อาคารสามารถควบคุมแสง อุณหภูมิ และพลังงานโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่แค่ประหยัดพลังงาน แต่ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ได้จริง โครงการในสิงคโปร์และปารีสพิสูจน์ให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ได้เป็นแค่แนวคิด แต่คือความเป็นจริงที่จับต้องได้
ยังไม่นับกลุ่มสตาร์ทอัพและบริษัทเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ที่ต่างก็มีบทบาทสำคัญในการเร่งให้เกิดนวัตกรรมในตลาดสมาร์ตซิตี้ โดยเฉพาะในด้านที่ยักษ์ใหญ่ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ครบถ้วน เช่น การเก็บข้อมูลเฉพาะจุด, โซลูชันต้นทุนต่ำ หรือความคล่องตัวในการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะทาง ซึ่งโพสต์ทูเดย์จะนำมาเล่าขานให้อ่านกันต่อไป...
เพราะสมาร์ตซิตี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี หากมันคือยุทธศาสตร์
เมื่อโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ประชากร และโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย การลงทุนในสมาร์ตซิตี้จึงเป็นทางเลือกที่ไม่อาจปฏิเสธได้
การเปลี่ยนผ่านสู่เมืองอัจฉริยะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะแค่ “อยากทันสมัย” แต่เพราะมันคือเครื่องมือที่จะทำให้เมืองสามารถอยู่รอด เติบโต และแข่งขันได้ในโลกอนาคต และผู้ที่สามารถเข้าใจแนวโน้มนี้ พร้อมนำไปวางแผนเชิงกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ นักลงทุน หรือนักนวัตกรรม ย่อมได้เปรียบอย่างท่วมท้น
เกมนี้เพิ่งเริ่มต้น และทุกเมืองต่างรีบเร่งเข้าสู่สมรภูมิแห่งเทคโนโลยีเพื่อเป็นเมืองต้นแบบของวันพรุ่งนี้..


