posttoday

เปิดสูตรลับนักปั้น ESG เมื่อความยั่งยืนคือ "พื้นที่โชว์ความสำเร็จ"

15 กรกฎาคม 2568

𝗠𝗠 𝗧𝗛𝗘 𝗪𝗘𝗕𝗜𝗡𝗔𝗥 : รู้แล้วปัง! เปิดสูตรลับ ESG ด้วย Carbon Tech เจาะลึกเรื่อง CSR ไปจนถึง ESG ไว้ได้อย่างชัดเจน เมื่อ ESG คือพื้นที่โชว์ความสำเร็จขององค์กรยุคใหม่

“ESG ทำให้องค์กรเติบโตไม่ใช่ภาระ ที่สุดแล้วจะทำให้องค์กรอยู่รอดได้ในวิกฤตต่างๆ”

 

คำกล่าวของ ดร.ธารทิพย์ พันธุ์เมธาฤทธิ์ ที่ได้รับการกล่าวขานในวงการว่าคือ “นักปั้น ESG” กรรมการผู้จัดการ GET Solutions Thailand ที่พาเราไปสู่การขยายความต่อไปแบบชัดๆ ว่า

 

"ESG คือ พื้นที่โชว์ความสำเร็จ เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า" ไม่ใช่แค่กิจกรรมโชว์ความยั่งยืนแบบดาษๆ หากคือ โอกาส ยุทธศาสตร์และทางรอดในวิกฤตต่างๆ ตั้งแต่ Climate Change สังคมผู้สูงอายุ ไปจนถึงวิกฤตทางภูมิรัฐศาสตร์ จากการบรรยายใน 𝗠𝗠 𝗧𝗛𝗘 𝗪𝗘𝗕𝗜𝗡𝗔𝗥 : รู้แล้วปัง! เปิดสูตรลับ ESG ด้วย Carbon Tech ดำเนินรายการโดยคุณธีระ กิตติธีรพรชัย - CEO บริษัท GMTX Co Ltd ที่ได้ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ไว้ได้อย่างชัดเจน โดยโพสต์ทูเดย์ได้เรียบเรียงมาแบบชัดๆ ดังต่อไปนี้...

 

เมื่อ “CSR” กลายเป็นแค่กิจกรรม... แต่ “ESG” คือยุทธศาสตร์

 

“CSR เป็นคำที่กิจการใช้แสดงถึงการที่บริษัทมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (รวมถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี) ผ่านทางกระบวนการดำเนินงานต่างๆ CSR ถือเป็นบทบาทของกิจการใน ‘ภาคการดำเนินงาน’ ที่ควรตอบโจทย์กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง”

 

ในอดีต "ความยั่งยืน" อาจเป็นเพียงกิจกรรมที่แยกออกจากธุรกิจ เช่น การปลูกป่า บริจาคเงิน หรือกิจกรรมเพื่อชุมชน แต่ในยุคปัจจุบัน ความยั่งยืนได้กลายเป็น “หัวใจ” ของการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะภายใต้แนวคิด ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ

 

ถ้าย้อนกลับไปในอดีต บริษัทต่าง ๆ มักดำเนินกิจกรรม CSR เช่น แจกของบริจาค ปลูกต้นไม้ หรือจัดวิ่งการกุศล ทุกสิ่งเหล่านี้ดูดี มีความหมาย แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ....โลกเริ่มเรียกร้องมากกว่านั้น

นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า
“ธุรกิจของคุณรับมือกับความเสี่ยงเรื่องโลกร้อนได้หรือไม่?”
“ถ้าแรงงานหายากขึ้น คุณจะรักษาคนเก่งไว้ได้อย่างไร?”
“บริษัทของคุณโปร่งใสพอสำหรับความเชื่อมั่นระยะยาวหรือไม่?”

 

นั่นคือจุดเริ่มของการเปลี่ยนผ่าน จาก “CSR” สู่ “ESG”
ไม่ใช่เพียงเรื่องของภาพลักษณ์ แต่คือ เครื่องมือบริหารธุรกิจในยุควิกฤต

 

ESG คืออะไร?

ESG เป็นกรอบการประเมินผลการดำเนินงานขององค์กรใน 3 มิติ:

  • Environmental (สิ่งแวดล้อม): การลดคาร์บอน การจัดการพลังงานและทรัพยากร
  • Social (สังคม): ความปลอดภัยของพนักงาน สิทธิมนุษยชน ความหลากหลาย
  • Governance (ธรรมาภิบาล): ความโปร่งใส การต่อต้านคอร์รัปชัน การเปิดเผยข้อมูล

 

ต่างจาก CSR ที่มักเป็นกิจกรรมเสริมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ ESG เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่มีโครงสร้างและตัวชี้วัดชัดเจน เช่น GRI, TCFD, ISSB และสามารถวัดผลได้จริง

 

ทำไม ESG ถึงสำคัญ?

1. บริหารความเสี่ยง-โอกาสในโลกแห่งความไม่แน่นอน

องค์กรที่ไม่ปรับตัวอาจเผชิญกับภาษีคาร์บอนจาก EU (CBAM) หรือสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับ ESG

2. เข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น

นักลงทุน สถาบันการเงิน และตลาดทุนเริ่มใช้ ESG เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ เช่น บริษัทที่มี ESG Rating สูงจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า และสามารถออก Green Bond หรือ SLL ได้ง่ายขึ้น

3. ฝังลึกในทุกกระบวนการขององค์กร

ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Eco-Design) การจัดซื้อ (Responsible Sourcing) ไปจนถึงการบริหารทรัพยากรบุคคลและคณะกรรมการบริษัท

4. สร้างคุณค่าระยะยาวในยุควิกฤต

ESG ช่วยให้องค์กรฝ่าวิกฤตโลกร้อน การขาดแคลนแรงงาน และความไม่เชื่อมั่นจากผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

 

เมกะเทรนด์ที่ผลักดัน ESG สู่เวทีกลางโลก

·  การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการลดการปล่อยคาร์บอน
(Climate Change & Decarbonization)

·  การขยายตัวของเมืองและเมืองอัจฉริยะ
(Urbanization & Smart Cities)

·  การเงินสีเขียวและการลงทุนตามหลัก ESG
(Green Finance & ESG Investing)

·  การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล
(Digital Transformation)

·  เศรษฐกิจหมุนเวียน
(Circular Economy)

·  สังคมผู้สูงอายุ
(Aging Population)

·  ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน
(Supply Chain Resilience)

·  การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
(Energy Transition)

·  การเปลี่ยนแปลงของแรงงานและทักษะในอนาคต
(Workforce & Skills Shift)

·  การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและภูมิรัฐศาสตร์
(Regulatory Changes & Geopolitics)

 

“GRI เป็นกรอบหลัก 80% ทั่วโลกใช้มาตรฐานนี้เป็นกรอบในการสร้างความยั่งยืน”

 

GRI Standard คืออะไร?

GRI (Global Reporting Initiative) คือมาตรฐานสากลสำหรับการรายงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Reporting) องค์กรที่ต้องการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG อย่างโปร่งใสและน่าเชื่อถือ จะอ้างอิง GRI เป็นแนวทางหลักในการจัดทำรายงาน

GRI เป็น “ภาษากลาง” ที่ใช้กันทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดทุน หน่วยงานภาครัฐ ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนสถาบัน

 

ตัวอย่างองค์กรไทยที่นำ ESG มาปรับใช้จริง

-  PTT ลงทุนในพลังงานสะอาด, EV, AI และ Robotics
ลดต้นทุนและกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจน้ำมัน

- SCGP (SCG Packaging) รีไซเคิลวัตถุดิบกว่า 99%, ใช้โมเดล Circular Economy
ลดต้นทุน 15–20% และสร้างบริการใหม่ให้ลูกค้าองค์กร

- CP All (7-Eleven) ผ่านโครงการ “Sustainable Farmers” และ “7 Go Green”
ช่วยเกษตรกร 10,000 ราย ลดความเสี่ยงห่วงโซ่อุปทาน

- Bangchak (BCP) ลงทุนในเชื้อเพลิงชีวภาพ (SAF) รายแรกของไทย หนุนเศรษฐกิจ BCG และความมั่นคงด้านพลังงาน

- Indorama Ventures (IVL) มีโรงรีไซเคิล PET ทั่วโลกกว่า 20 แห่ง ลดการใช้พลาสติกใหม่และลดการปล่อย GHG

- Thai Union (TU) ระบบติดตามแหล่งที่มาปลาทูน่าแบบโปร่งใส ป้องกันการทำประมงเกินขนาด และเสริมความมั่นใจผู้บริโภค

- AIS (ADVANC) โครงการ “AIS Academy” และ “Green Network for Education”
ฝึกทักษะดิจิทัลให้กว่า 100,000 คน และเชื่อมต่อโรงเรียน 2,000 แห่ง

- Bangkok Bank (BBL) สนับสนุน SME ผ่าน Digital Financing และแพลตฟอร์ม “Be My ID”ส่งเสริมการเข้าถึงการเงินอย่างเท่าเทียม

 

รู้หรือไม่ บริษัทมหาชนของไทยติดอันดับท็อปของโลกในการทำ ESG

  1. ดัชนี DJSI (Dow Jones Sustainability Indices)
    ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่มีจำนวนบริษัทจดทะเบียนติดอันดับ “DJSI World” มากที่สุดต่อเนื่องถึง 9 ปี โดยในปี 2565 มีบริษัทไทย 11 แห่งที่ได้รับคัดเลือก ได้แก่ ADVANC, AOT, CPALL, CPN, DELTA, IVL, KBANK, PTT, PTTGC, SCB และ SCC
    เมื่อรวมกับกลุ่ม Emerging Markets บริษัทไทยที่ติดอันดับ DJSI มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 26 แห่ง
     
  2. ดัชนี S&P Sustainability Yearbook 2025
    ในปี 2568 มีบริษัทไทยจำนวน 30 แห่งได้รับการคัดเลือกให้อยู่ใน Yearbook โดยในจำนวนนี้มีถึง 14 บริษัทที่อยู่ในกลุ่ม Top 1% ของโลก เช่น PTT, PTTGC, SCGP, Thai Union, CPALL, Bangchak เป็นต้น
     
  3. การจัดอันดับคะแนน ESG รายอุตสาหกรรม
    บริษัท Energy Absolute (EA) ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่ม Top 10% ของโลกในกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคด้านพลังงาน (electric utilities) จากการประเมินของ S&P Global Corporate Sustainability Assessment 2025
    ในขณะที่บริษัท PTT Global Chemical (GC) ได้รับคะแนน ESG สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมเคมีระดับโลก โดยอยู่ในกลุ่ม Top 1% ของโลก และยังคงครองอันดับ 1 อย่างต่อเนื่องในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว
     
  4. รางวัล Sustainability Yearbook และ Gold Class
    ในปี 2566 มีบริษัทไทยจำนวน 37 แห่งที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน Sustainability Yearbook และในจำนวนนั้น มี 12 แห่งที่ได้รับรางวัล Gold Class ซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่มที่มีผลงานด้าน ESG โดดเด่นที่สุดระดับโลก
     

 

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2