ทักษิณชู Smart City แก้จุดอ่อนความปลอดภัย ดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับ
วิเคราะห์ ทักษิณ ชินวัตร กับแนวคิด “Smart City เพื่อความปลอดภัย” เมื่อความมั่นคงกลายเป็นกุญแจสู่การฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย ก่อนท้ากล้ารับประกันการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน
ทักษิณยันนักท่องเที่ยวจีนหายไม่ใช่เพราะ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัย ก่อนชูโมเดล Smart City ติดกล้อง AI ทั่วเมือง การันตีนักท้องเที่ยวกลับมาแน่นอน
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งออกอากาศผ่านรายการ “ผ่าทางตันประเทศไทย” จุดยืนของเขาต่อประเด็นที่กำลังเป็นที่ถกเถียงอย่าง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” และ “การท่องเที่ยวไทยที่ซบเซา” ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจน ท่ามกลางกระแสสังคมที่พยายามโยงการหายไปของนักท่องเที่ยวจีนกับนโยบายกาสิโนถูกกฎหมายในนาม "สถานบันเทิงครบวงจร" ของรัฐบาล ซึ่งนายทักษิณกลับมองคนละมุม และนำเสนอทางออกใหม่ที่น่าสนใจคือ Smart City + เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย
“จีนไม่มาไทย เพราะไม่ปลอดภัย ไม่ใช่เพราะกาสิโน”
ทักษิณแย้งอย่างชัดเจนว่าต้นเหตุหลักของการที่นักท่องเที่ยวจีนหายไปถึง 70–90% ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแนวคิดการเปิด Entertainment Complex หรือกาสิโนแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ "ไทยไม่ปลอดภัยพอ"
“ความจริงแล้วเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ยังไม่ได้เกิด มันจะไปมีผลอะไรกับเรื่องท่องเที่ยวตรงนี้ มันเป็นเพราะเรื่องของระบบความไม่ปลอดภัย”
ประเด็นเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของไทยก่อนโควิด-19 ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในช่วงหลัง ตั้งแต่กรณีคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ การถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ไปจนถึงอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนต่างชาติในไทย
Smart City คำตอบของทักษิณต่อวิกฤตความเชื่อมั่น
ท่ามกลางข้อวิจารณ์ต่อรัฐบาลและพรรคภูมิใจไทยที่แสดงท่าทีต่อต้านกาสิโน นายทักษิณใช้โอกาสนี้ผลักแนวคิดของตนอย่างชัดเจนว่า หากต้องการดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมา ไทยต้อง “เร่งสร้าง Smart City” และใช้ “เทคโนโลยีกล้อง AI” เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
“ถ้ามี Smart City เมื่อไหร่ ผมจะ Insure (รับประกัน) เรื่องนักท่องเที่ยวให้ดู”
Smart City ในความหมายของทักษิณ จึงไม่ใช่เพียงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในระบบจราจรหรือสิ่งแวดล้อม แต่เป็น ระบบเมืองที่มีความปลอดภัยสูง ใช้เทคโนโลยีตรวจจับ วิเคราะห์ และป้องกันภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
กล้อง AI จากเครื่องมือสอดส่อง สู่กลไกสร้างความมั่นใจ
ทักษิณกล่าวถึง “การติดตั้งกล้อง AI ทั่วเมือง” ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ไทยสามารถกลับมาเป็นประเทศที่ปลอดภัยในสายตาชาวต่างชาติ
เทคโนโลยีกล้อง AI ปัจจุบันมีความสามารถที่มากกว่า CCTV แบบดั้งเดิม ด้วยคุณสมบัติสำคัญคือ
- การจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ตรวจจับผู้ต้องสงสัยหรือบุคคลต้องห้าม
- พฤติกรรมผิดปกติ (Behavioral Analytics) แจ้งเตือนทันทีหากมีเหตุการณ์เสี่ยง เช่น การรุมทำร้ายหรือพฤติกรรมอันตรายในพื้นที่สาธารณะ
- การเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลอาชญากร ช่วยให้สามารถระบุบุคคลต้องสงสัยได้รวดเร็ว
- ตรวจสอบความเคลื่อนไหวผิดปกติบริเวณชายแดนและทางเข้าเมือง ลดปัญหาคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลวงข้ามชาติ
ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ จุดเปราะบางที่ทักษิณหยิบยกขึ้นมา
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทักษิณเน้น คือ ปัญหากลุ่มคอลเซ็นเตอร์จากจีนที่เข้ามาอาศัยในไทยโดยใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการข้ามแดน โดยระบุชัดว่า “มีคนจีนที่อยู่ในอพาร์ตเมนต์หรูหรากลางกรุงเทพ ห้องละ 3 พันล้านบาท และมีการเข้าออกทางพม่าเป็นประจำ” ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาต่างชาติ
สิ่งที่ทักษิณต้องการชี้ให้เห็นคือ หากไม่เร่งแก้ที่ "โครงสร้างความปลอดภัย" ของเมือง การประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์หรือสร้างแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวก็จะไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริง
Entertainment Complex โครงการใหญ่ที่ถูกเข้าใจผิด
ทักษิณยังใช้โอกาสนี้เพื่ออธิบายว่า “Entertainment Complex” ไม่ใช่การสร้างกาสิโนเพียงอย่างเดียว แต่คือการลงทุนในอุตสาหกรรมบันเทิงหลากหลายรูปแบบ เช่น คอนเสิร์ตฮอลล์ระดับโลก สวนสนุก หรือพิพิธภัณฑ์ โดย “กาสิโน” เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ไม่เกิน 10% และต้องมีกลไก KYC (Know Your Customer) ควบคุมการเข้าถึงของประชาชน
ประเทศไทยต้องเดินหน้า "ไม่ใช่หยุดรอ"
คำกล่าวของทักษิณตอนท้ายชี้ให้เห็นมุมมองของเขาต่อภาวะรัฐบาลปริ่มน้ำว่า
“ประเทศหยุดรอไม่ได้ ไม่เป็นไร รัฐบาลไปไม่รอดก็เลือกตั้งใหม่ เราทำเต็มที่แล้ว”
นั่นสะท้อนความเชื่อว่า “การเปลี่ยนแปลงต้องเกิดตอนนี้” และไม่ควรรอเสถียรภาพทางการเมืองที่ยังไม่มาถึง
แนวคิด “Smart City เพื่อความปลอดภัย” ของทักษิณจึงไม่ใช่แค่เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่คือกลยุทธ์ระดับชาติในการกอบกู้ความเชื่อมั่น ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ นักลงทุน และประชาชนไทยเอง


