COP29: การเงินเพื่อโลกยั่งยืน รับมือ Climate Change ปี 2025
COP29 เน้น Climate Finance ระดมทุนมหาศาลช่วยประเทศกำลังพัฒนา พร้อมไทยชู 5 วาระสำคัญ สู่สังคมคาร์บอนต่ำและปรับตัวรับมือโลกร้อน
COP29 วาระสำคัญเพื่อขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมโลกปี 2025: ก้าวสู่การเงินเพื่อโลกที่ยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) คือความท้าทายระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมในวงกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทุกวันนำมาซึ่งภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความร้อนที่ทำลายสถิติ ภัยแล้งที่ยืดเยื้อ น้ำท่วมฉับพลัน หรือพายุที่ทวีความรุนแรงขึ้น สถานการณ์เหล่านี้ตอกย้ำความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาและปรับตัวต่อผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) การประชุม Conference of the Parties หรือที่รู้จักกันในชื่อ COP ได้กลายเป็นเวทีสำคัญระดับโลกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อร่วมกันหาแนวทางและกำหนดเป้าหมายในการรับมือกับวิกฤตนี้ นับตั้งแต่การประชุมครั้งแรกในปี 1995 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี COP ได้มีการพัฒนาและกำหนดวาระสำคัญแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง เช่น COP21 ในปี 2015 ที่มีการลงนามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งประเทศสมาชิกให้คำมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ COP26 ในปี 2021 ที่มีเป้าหมายสูงสุดคือการบรรลุ Net Zero Emissions
COP29: มุ่งเน้น "Climate Finance" การเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การประชุม COP29 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายน 2024 ณ ประเทศอาเซอร์ไบจาน โดยมีสมาชิก UNFCCC เข้าร่วมกว่า 200 ประเทศ ได้เน้นย้ำถึงวาระสำคัญประการหนึ่ง นั่นคือ "Climate Finance" หรือ "การเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ" บทสรุปของการประชุมครั้งนี้คือการจัดสรรทรัพยากรและเครื่องมือทางการเงินเพื่อสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา Climate Change โดยมีข้อตกลงที่สำคัญดังนี้:
- เพิ่มเงินทุนสนับสนุนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา 3 เท่า: ภายในปี 2035 กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะจัดสรรเงินทุนช่วยเหลือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จากเป้าหมายเดิมที่ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นตัวจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แหล่งที่มาของเงินทุนจะมาจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงองค์กรพหุภาคี โดยประเทศกลุ่มพัฒนาแล้วจะเป็นผู้นำในการระดมทุนนี้โดยสมัครใจ
- ตั้งเป้าหมายการระดมทุนรวม 1,300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2035: ด้วยการระดมทุนผ่านช่องทางการเงินสาธารณะและการลงทุนจากภาคเอกชน เป้าหมายนี้จะช่วยปลดล็อกทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถมีต้นทุนในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดได้อย่างยั่งยืน
- ส่งเสริมการเข้าถึงกองทุนเพื่อความสูญเสียและความเสียหาย (Loss and Damage Fund): กองทุนนี้ถูกเสนอขึ้นระหว่างการประชุม COP27 ในปี 2022 เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยตระหนักว่าประเทศกำลังพัฒนามีความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ประเทศพัฒนาแล้วปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณสูง
ประเทศไทยกับการขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมโลกใน COP29
ในส่วนของการขับเคลื่อนภายในประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอ 5 ประเด็นสำคัญด้านสภาพภูมิอากาศใน COP29 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ:
- การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย: เพื่อบรรลุการมีส่วนร่วมซึ่งแต่ละประเทศสมาชิกกำหนดร่วมกัน (Nationally Determined Contributions: NDCs) ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2030 โดยคาดว่าประเทศไทยจะลดก๊าซเรือนกระจกได้ 43% จากเป้าหมาย 30-40%
- การขับเคลื่อนแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำประเด็นการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาปรับใช้ให้เข้ากับแผนและยุทธศาสตร์ในรายสาขาและในพื้นที่ รวมถึงการจัดทำข้อมูลด้านภูมิอากาศและข้อมูลความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับประเทศ
- การเร่งผลักดัน “พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฯ”: ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยคาดว่าจะบังคับใช้ในปี 2026
- นำเสนอตัวอย่างการสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนให้เป็นรูปธรรม: จากการประชุมภาคีขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 3 (Thailand Climate Action Conference: TCAC 2024) ซึ่งเป็นเวทีเสวนาและแลกเปลี่ยนความรู้ในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
- การจัดส่งรายงานความโปร่งใสราย 2 ปี (Thailand’s First Biennial Transparency Report): ซึ่งประเทศไทยกำหนดให้สามารถจัดส่งได้ภายในเดือนธันวาคม 2024 เพื่อสื่อสารสิ่งที่ได้ดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อประชาคมโลก และเป็นเครื่องมือในการขอรับการสนับสนุนเทคโนโลยี องค์ความรู้ การเสริมสร้างศักยภาพแหล่งเงินทุนต่างประเทศในการขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
วาระสำคัญที่สามารถช่วยโลกได้จากภาวะโลกร้อนขึ้นทุกวัน
จากข้อตกลงและเป้าหมายที่ได้จากการประชุม COP29 ชี้ให้เห็นถึงวาระสำคัญหลายประการที่สามารถช่วยโลกได้จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นทุกวัน:
- การเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด: การจัดสรรเงินทุนจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ถือเป็นหัวใจสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน การลงทุนในเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาดจะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
- การสนับสนุนการปรับตัวและสร้างความยืดหยุ่น: กองทุนและเงินสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น การสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมที่ดีขึ้น การพัฒนาพืชพันธุ์ที่ทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น หรือการลงทุนในระบบเตือนภัยล่วงหน้า สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเสียหายและบรรเทาผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
- ความเป็นธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ: การจัดตั้งกองทุนเพื่อความสูญเสียและความเสียหาย (Loss and Damage Fund) สะท้อนถึงหลักการของความเป็นธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Justice) โดยตระหนักว่าประเทศพัฒนาแล้วมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอดีตมากกว่า และควรมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง การเข้าถึงกองทุนนี้จะช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของประเทศที่เปราะบาง และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ
- การเพิ่มความโปร่งใสและการรายงานผล: การที่แต่ละประเทศมีการจัดทำและส่งรายงานความโปร่งใสราย 2 ปี เช่นที่ประเทศไทยดำเนินการ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการติดตามความคืบหน้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลที่โปร่งใสจะช่วยให้ประชาคมโลกสามารถประเมินประสิทธิภาพของมาตรการต่างๆ และกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการที่เข้มข้นยิ่งขึ้น
- การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน: การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เช่นที่เกิดขึ้นในงาน Thailand Climate Action Conference (TCAC) เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง การผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนจะช่วยให้สามารถระดมทรัพยากร ความรู้ และนวัตกรรมเพื่อรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสรุปแล้ว เป้าหมายของ COP29 ที่ให้ความสำคัญกับ Climate Finance ครอบคลุมถึงการให้การสนับสนุนทางการเงินด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการระดมทุนในรูปแบบต่างๆ
ผ่านตราสารทางการเงินอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ผ่านการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้คือความหวังและแนวทางสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้โลกก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำและสามารถรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างยั่งยืนในปี 2025 และปีต่อๆไป