กรุงเทพฯ แรงไม่หยุด! ติดอันดับ 7 เมือง MICE โลก อันดับ 3 เอเชีย
กรุงเทพฯ แรงไม่หยุด! ติดอันดับ 7 เมือง MICE โลก อันดับ 3 เอเชีย การันตีไทยขึ้นแท่นผู้นำ MICE อาเซียน พร้อมก้าวสู่ท็อป 20 เวทีโลก
อุตสาหกรรม MICE (Meetings, Incentives, Conferences, Exhibitions) หรือธุรกิจการจัดประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติของไทย กำลังพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดครั้งใหม่
จากรายงานการจัดอันดับโลกของสมาคมการประชุมนานาชาติ (ICCA) ประจำปี 2024 ซึ่งเพิ่งประกาศไปภายในงาน IMEX Frankfurt 2025
ประเทศไทยสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในฐานะเจ้าภาพจัดงานประชุมนานาชาติ
ในปี 2024 ไทยจัดงานประชุมที่ผ่านเกณฑ์ ICCA ไปได้ถึง 158 ครั้ง เพิ่มขึ้นจาก 143 ครั้งในปี 2023
ส่งผลให้เราขยับขึ้นจากอันดับ 26 เป็นอันดับ 25 ของโลก และติดอันดับ 5 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่สำคัญคือ เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศอาเซียน เลยทีเดียว
ความสำเร็จนี้ตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังเป็นที่จับตาในฐานะศูนย์กลางการจัดงานประชุมและอีเวนต์ระดับมืออาชีพชั้นนำของโลก
หัวใจสำคัญของการเติบโตนี้คือ กรุงเทพฯ เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลของเรา ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับ 7 ของโลกในการจัดอันดับเมือง และยังรั้งอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อีกด้วย
ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงแค่สะท้อนความสำเร็จของเมืองหลวงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบทบาทที่โดดเด่นของ เมืองรอง ต่างๆ ที่เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในวงการ MICE มากขึ้น
ไทยยืนหนึ่งอาเซียน ผงาดบนเวทีโลก
รายงานการจัดอันดับของ ICCA ซึ่งรวบรวมข้อมูลการประชุมนานาชาติกว่า 11,000 รายการในปี 2024 จาก 160 ประเทศและ 1,500 เมือง ยืนยันว่าประเทศไทยคือ ดาวรุ่งดวงใหม่ ของวงการ MICE โลก
ข้อมูลจาก ICCA ชี้ชัดว่าประเทศไทยแซงหน้าคู่แข่งในภูมิภาคอย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ในด้านจำนวนการจัดงานที่ผ่านเกณฑ์ ICCA ด้วยจำนวนการประชุม 158 ครั้ง
ทำให้ไทยคว้าอันดับ 1 ของอาเซียน ตอกย้ำความเป็นผู้นำ MICE ในภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง
ผลลัพธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการแข่งขันที่สูงขึ้นของไทยในตลาดอีเวนต์ธุรกิจที่ทำเงินมหาศาลของเอเชีย
และเป็นผลมาจากความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างภาครัฐและภาคการท่องเที่ยวในการผลักดันประเทศให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่มีมูลค่าสูง
กรุงเทพฯ สู่ Top 7 โลก
กรุงเทพฯ ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนานาชาติที่ผ่านเกณฑ์ ICCA ถึง 115 ครั้ง ในปี 2024 ทำให้ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 7 ของโลก จากกว่า 1,500 เมืองทั่วโลก
และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กรุงเทพฯ รั้งอันดับ 3 เป็นรองเพียงแค่โซลและโตเกียวเท่านั้น
ในฐานะเมืองหลวงและศูนย์กลางเศรษฐกิจ กรุงเทพฯ โดดเด่นมานานในเรื่องวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาและการต้อนรับอันอบอุ่น
แต่การก้าวขึ้นสู่เวทีการประชุมระดับโลกในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งศูนย์การประชุมที่ทันสมัยอย่าง ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) และ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
รวมถึงโรงแรมหรูระดับห้าดาว ระบบการเชื่อมต่อระดับโลก และแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนที่หลากหลาย
จากการเปิดเผยของ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริม MICE ของประเทศ ผลงานอันยอดเยี่ยมของกรุงเทพฯ
สอดรับกับวิสัยทัศน์ระยะยาวในการยกระดับเมืองให้เป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคสำหรับการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นวัตกรรม และธุรกิจระหว่างประเทศ
เมืองรองผงาด MICE ขยายตัวทั่วไทย
สิ่งที่น่าสนใจจากรายงาน ICCA ปี 2024 คือการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นของ เมืองรอง ในการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับนานาชาติ
นอกเหนือจากกรุงเทพฯ แล้ว เชียงใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมทางภาคเหนือ ก็ยังคงรักษาตำแหน่ง เมือง MICE อันดับสอง ของประเทศไว้ได้ โดยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม 12 ครั้ง
เมืองอื่นๆ ที่มีผลงานโดดเด่น ได้แก่:
- พัทยา – 10 การประชุม
- ภูเก็ต – 8 การประชุม
- ชลบุรี – 3 การประชุม
- เชียงราย, ปทุมธานี – อย่างละ 2 การประชุม
- หัวหิน, ขอนแก่น, เกาะสมุย, นครราชสีมา, นนทบุรี, ปัตตานี – อย่างละ 1 การประชุม
โดยรวมแล้ว เมืองไทยมีถึง 13 เมือง ที่ติดอันดับ ICCA ปี 2024 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าอุตสาหกรรม MICE ของประเทศไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่เมืองท่องเที่ยวหลักอีกต่อไป
อนาคต MICE ไทย มุ่งสู่ Top 20 โลก
การจัดอันดับ ICCA ครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจ แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้ประเทศไทยตั้งเป้าหมายที่สูงขึ้นไปอีก
ด้วยความสนใจในภูมิภาคเอเชียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจึงอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในการรองรับความต้องการเหล่านี้
ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) ระบุว่าภาคส่วน MICE สร้างรายได้ประมาณ 2 แสนล้านบาทต่อปีให้กับเศรษฐกิจไทย
และยังสร้างงานกว่า 400,000 ตำแหน่ง ในภาคบริการ การขนส่ง การวางแผนงาน และการจัดเลี้ยง
ผลงานที่ดีขึ้นของไทยในการจัดอันดับ ICCA มีแนวโน้มที่จะเพิ่มรายได้โดยตรงและกระตุ้นการลงทุนเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเมืองรอง
การพัฒนาเหล่านี้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้ นวัตกรรม และการท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูง


