posttoday

ภาษีนำเข้าโซลาร์สหรัฐฯ กระทบพลังงานสะอาด เศรษฐกิจดิจิทัลไทย อย่างไร?

13 พฤษภาคม 2568

นโยบายกำแพงภาษีรอบใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ ไม่เพียงปั่นป่วนห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อไทยซึ่งกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่!

KEY

POINTS

  • นโยบายกำแพงภาษีรอบใหม่ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังสร้างความปั่นป่วนต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ รวมถึงเซลล์แสงอาทิตย์และอะลูมิเนียมที่ใช้ในกระบวนการผลิตแผงโซลาร์เซลส์
  • มาตรการภาษีนำเข้าครั้งนี้มีนัยยะเกินกว่าแค่การกีดกันทางการค้าของเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่
  • หนึ่งในมาตรการสำคัญคือการเก็บภาษีนำเข้าแผงเซลล์แสงอาทิตย์จากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย โดยตั้งอัตราภาษีสูงสุดถึง 3,521%

ผลกระทบมาตรการเก็บภาษีนำเข้าพลังงานแสงอาทิตย์ของสหรัฐฯต่ออุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย

 

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2025 ผู้เขียนได้รับคำเชิญให้ไปสัมภาษณ์กับทางสำนักข่าว BBC UK ของประเทศอังกฤษ ทางออนไลน์ ในรายการ "BBC World Business Report" ภายใต้หัวข้อ “China is ‘open to trade talks with the US” ผู้เขียนได้แสดงความคิดเห็นในรายการเกี่ยวกับเรื่องนโยบายกำแพงภาษีโซล่าเซลส์จากสหรัฐฯ และผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตแผงโซล่าเซลส์ในภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย (จากที่เคยได้เคยเขียนไว้ในบทความ “ภาษีศุลกากรของทรัมป์ ผลกระทบต่อพลังงานหมุนเวียน แบตเตอรี่ EV”ก่อนหน้านี้) ผู้เขียนจึงขอแชร์เนื้อหาบางส่วนพร้อมบทวิเคราะห์ที่ได้ไปให้สัมภาษณ์มาในบทความนี้

 

นโยบายกำแพงภาษีรอบใหม่ของพลังงานแสงอาทิตย์ต่อประเทศอาเซียน

นโยบายกำแพงภาษีรอบใหม่ของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังสร้างความปั่นป่วนต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนที่พึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเซลล์แสงอาทิตย์และอะลูมิเนียมที่ใช้ในกระบวนการผลิตแผงโซลาร์เซลส์ แม้บริษัทผู้ติดตั้งโซลาร์ในสหรัฐฯ กว่า 56% จะเคยแสดงความกังวลเรื่องภาษีนำเข้าไว้ล่วงหน้า แต่เฉพาะในปี 2024 เพียง 9 เดือนแรก สหรัฐฯ ได้นำเข้าแผงโซลาร์มากถึง 48.5 กิกะวัตต์ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการพึ่งพาตลาดโลกอย่างมาก มาตรการภาษีจึงไม่เพียงกระทบต่อราคาแผงโซลาร์เซลล์ในประเทศ แต่ยังเปิดช่องให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสขึ้นราคาในตลาดภายในประเทศอีกด้วย

 

หนึ่งในมาตรการสำคัญคือการเก็บภาษีนำเข้าแผงเซลล์แสงอาทิตย์จากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย โดยตั้งอัตราภาษีสูงสุดถึง 3,521% กับบริษัทกัมพูชาที่ไม่ให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของสหรัฐฯ รายงานระบุว่าบริษัทจากทั้งสี่ประเทศได้ส่งออกผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์ในราคาต่ำกว่าทุน โดยได้รับการอุดหนุนจากจีน ซึ่งควบคุมห่วงโซ่อุปทานของโซลาร์ทั่วโลกมากกว่า 80% ตามข้อมูลของ International Energy Agency (IEA)

 

แม้ในทางทฤษฎี ภาษีนำเข้าที่สูงควบคู่กับการสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ อาจช่วยคุ้มกันผู้ผลิตในสหรัฐฯ แต่ในทางปฏิบัติ ผลประโยชน์จะกระจายอย่างไม่ทั่วถึงและแทบไม่ช่วยลดต้นทุนการผลิตภายในประเทศเลย ในทางตรงข้าม การแยกตัวออกจากตลาดโลกยังอาจทำให้พลังงานแสงอาทิตย์มีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค ถึงแม้ว่าพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สร้างได้รวดเร็วและมีต้นทุนต่ำที่สุดในตลาดพลังงานสะอาดก็ตาม

 

นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังอุดหนุนอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของตนเองผ่านกฎหมาย Inflation Reduction Act ในปี 2022 ซึ่งนักวิจารณ์หลายสำนักมองว่าเป็น “ความย้อนแย้ง” ที่สหรัฐฯ กล่าวหาประเทศอื่นเรื่องการทุ่มตลาด ขณะที่ตนเองก็อุดหนุนการผลิตเกินต้นทุนจริงเช่นกัน ทั้งนี้ สหรัฐฯ เคยเก็บภาษีนำเข้าโซลาร์จากจีนในยุคประธานาธิบดีโอบามา ระหว่าง 24% ถึง 36% ทำให้การส่งออกของจีนลดลง แต่จีนได้หันไปลงทุนในฐานการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน และในปี 2023 สหรัฐฯ นำเข้าเซลล์แสงอาทิตย์จากเวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา และไทย รวมมูลค่า 11.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ภาษีนำเข้าโซลาร์สหรัฐฯ กระทบพลังงานสะอาด เศรษฐกิจดิจิทัลไทย อย่างไร?

 

ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ต่อประเทศไทย

มาตรการภาษีนำเข้าครั้งนี้มีนัยยะเกินกว่าแค่การกีดกันทางการค้าของเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่ อุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีความต้องการใช้พลังงานสะอาด 100% เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ESG ของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก แต่เมื่อห่วงโซ่อุปทานของโซลาร์เซลส์สะดุดจากกำแพงภาษี เช่น โรงงานผลิตชะลอตัว ต้นทุนเพิ่มขึ้น และนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมการผลิตแผงโซล่าเซลส์ในไทย ท้ายที่สุดแล้ว อาจส่งผลให้ความสามารถในการจัดหาพลังงานสะอาดที่ราคาย่อมเยาสำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center) ลดลง

 

สำหรับประเทศไทยซึ่งต้องการเป็นศูนย์กลางบริการคลาวด์ (Cloud Center) ในภูมิภาค ความไม่แน่นอนของการจัดหาพลังงานสะอาดจึงถือเป็นความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์ หากต้นทุนการผลิตโซล่าเซลส์สูงขึ้นหรือมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ บริษัทระดับโลกอาจลังเลในการลงทุนในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรืออาจเรียกร้องการสนับสนุนจากรัฐเพิ่มเติม ทั้งนี้ หากไทยจำเป็นต้องหันไปนำเข้าเทคโนโลยีพลังงานสะอาดจากประเทศยุโรปหรือสหรัฐฯ ที่มีต้นทุนสูงกว่า อาจทำให้ค่าใช้จ่ายทั้งในด้านการลงทุนและต้นทุนพลังงานระยะยาวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในการดึงดูดเม็ดเงินการลงทุน เมื่อเทียบกับประเทศที่จัดหาพลังงานสะอาดได้ถูกและเสถียรกว่า

 

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะว่า รัฐบาลไทยควรเร่งพัฒนาและกระจายแหล่งพลังงานสะอาดในประเทศให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เช่น พลังงานลม พลังงานชีวมวล และไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ นอกจากนั้น นโยบายที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดในภาคธุรกิจโดยตรง เช่น การทำ Direct PPA (Power Purchase Agreement) สำหรับศูนย์ข้อมูลโดยเฉพาะ (บทความ “Direct PPA จากพลังงานสะอาดสำหรับธุรกิจ Data Center และการสนับสนุนของไทย")

 

หรือการอุดหนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด และการร่วมมือกับผู้ให้บริการพลังงานสะอาดระดับนานาชาติ จะมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของไทยมากยิ่งขึ้น

 

การดำเนินมาตรการเชิงรุกเหล่านี้จะช่วยให้ประเทศไทยยังสามารถเสนอแหล่งพลังงานสะอาดที่เชื่อถือได้ 100% ให้แก่ศูนย์ข้อมูลระดับโลก และยังช่วยรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดเศรษฐกิจดิจิทัล และขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างยั่งยืน

 

 

Source: Interviewed with Andrew Peach from BBC UK in the program BBC World Business Report, “China is ‘open’ to trade talks with the US, 23 April 2025 at 15:28 UTC. Available at : https://podcasts.apple.com/th/podcast/world-business-report/id292651411?i=1000704614946 

 

ดร.ณัทกฤช อภิภูชยะกุล ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร

ข่าวล่าสุด

Gemini ใน Google สู่การแปล 20 ภาษาผ่านหูฟังแบบเรียลไทม์