posttoday

"ระบบเสียงไฮเอนด์" นิยามใหม่ของ "ความหรูหรา" ธุรกิจยานยนต์อนาคต

13 พฤษภาคม 2568

ไม่ใช่แค่ความแรง! ธุรกิจรถหรูวันนี้ ชิงความได้เปรียบที่ระบบเสียงภายในห้องโดยสาร ตั้งแต่ Gen Z ยันระดับผู้บริหาร ต่างต้องการฮอลล์คอนเสิร์ตส่วนตัวแบบเคลื่อนที่ได้

ในยุคที่ใครๆ ก็พูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และความอัจฉริยะของระบบขับขี่อัตโนมัติ แต่รู้หรือไหมว่า มีอีกหนึ่ง 'พรมแดนแห่งความหรูหรา' ในวงการรถยนต์ที่ผู้ผลิตกำลังทุ่มงบมหาศาลเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ

 

นั่นคือ ระบบเสียงภายในห้องโดยสาร

 

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ไม่ใช่แค่คนรักเสียงเพลงหรือผู้มีอันจะกินที่ไล่ล่า ตามหา ไขว่คว้า แต่ผู้บริโภคทุกกลุ่ม

 

ตั้งแต่คนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง ต่างคาดหวังประสบการณ์การฟังเพลงระดับ "ฮอลล์คอนเสิร์ตส่วนตัว" ภายในรถยนต์ แต่สาเหตุเพราะอะไรน่ะหรือ?

 

Celestiq

 

Tim Pryde หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ธุรกิจของ Dolby Atmos Music อธิบายง่ายๆ ว่า

 

"ปัจจุบัน สถานที่ที่ผู้คนใช้ฟังเพลงมากที่สุดในโลกคือ 'รถยนต์'" ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการเกิดขึ้นของบริการสตรีมมิ่ง การฟังพอดคาสต์ หรือหนังสือเสียง ที่เราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในรถนั่นแหละ ทำให้ความต้องการระบบเสียงระดับพรีเมียมพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์"

 

ขนาดนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ชื่อดังที่คุ้นเคยกับเสียง Dolby ในโรงภาพยนตร์หรือที่บ้าน ยังทนไม่ไหว ต้องมาเร่ง Pryde ว่า "เมื่อไหร่จะเอาระบบเสียงขั้นเทพนี้มาใส่ในรถยนต์เสียที?"

เพื่อทำความเข้าใจว่าเรื่องนี้ไปไกลแค่ไหน ลองนึกภาพตามว่า เราอยู่ในสตูดิโออัดเสียงสุดล้ำของ Dolby Laboratories Inc. ที่ซานฟรานซิสโก

 

ในค่ำคืนวันจันทร์ Nick Rives วิศวกรเสียงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ทั้งยังเคยทำงานกับศิลปินระดับโลกอย่าง Bob Dylan หรือ Billie Eilish กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางแผงควบคุมเสียงเต็มไปหมด

 

แต่สิ่งที่เขาทำอยู่นี้ ไม่ได้กำลังมิกซ์เสียงสำหรับอัลบั้มใหม่ของศิลปินดัง... แต่มันคือการออกแบบประสบการณ์เสียงสำหรับรถยนต์ โดยเฉพาะระบบเสียงที่ติดตั้งใน Cadillac รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Celestiq ที่มีราคาสูงถึง 360,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 12 ล้านบาท

 

"ระบบเสียงไฮเอนด์" นิยามใหม่ของ "ความหรูหรา" ธุรกิจยานยนต์อนาคต
 

การแข่งขันในตลาดรถยนต์หรูไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องสมรรถนะหรือเทคโนโลยีล้ำๆ อีกต่อไป แต่มันขยายมาถึง "เสียง" ในห้องโดยสาร

 

ซึ่งไม่ใช่แค่การ "ยัดลำโพงเพิ่ม" หรือปรับเบสให้หนักขึ้น... 

 

แต่คือการยกระดับให้รถยนต์ทั้งคัน กลายเป็น "สตูดิโอเคลื่อนที่" อย่างสมบูรณ์แบบ

 

เทคโนโลยีอย่าง Dolby Atmos ที่ Cadillac เลือกใช้ ช่วยสร้างมิติเสียงแบบ 360 องศา ให้เสียงต่างๆ ลอยอยู่รอบตัวผู้โดยสารอย่างเป็นธรรมชาติ เสมือนนักดนตรีกำลังมาเล่นสดๆ ในรถ

 

เราสามารถ "ได้ยิน" แม้กระทั่งเสียงร้องของ SZA เคลื่อนไหวจากด้านหน้าตัวรถไปด้านหลังตัวรถได้อย่างชัดเจน ไปจนถึงเสียงสูดหายใจแผ่วๆ ของศิลปินก่อนจะเริ่มท่อนคอรัสเพลง 

 

อันที่จริงแล้ว ความใส่ใจเรื่อง "เสียง" ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการรถยนต์ แต่มีนัยยะผูกพันกันมานานตั้งแต่ยุคแรกๆ

 

"ระบบเสียงไฮเอนด์" นิยามใหม่ของ "ความหรูหรา" ธุรกิจยานยนต์อนาคต

 

ตั้งแต่เสียงเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาให้มีเอกลักษณ์ (เช่น เสียงคำรามของ Ferrari หรือเสียงทุ้มๆ ของ Corvette) ไปจนถึงเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างความรู้สึกดีๆ เช่น เสียงปิดประตูรถหรูที่หนักแน่น หรือแม้แต่เสียง "ปี๊บๆ" ของรีโมตล็อกรถ 

 

น่าสนใจว่า แม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าที่แทบไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ก็ยังต้อง "สร้าง" เสียงขึ้นมาเอง โดยบางแบรนด์ถึงกับว่าจ้างนักประพันธ์เพลงชื่อดังมาออกแบบซาวด์ให้เลยทีเดียว

 

ทั้งหมดนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่า "เสียง" คือส่วนสำคัญของประสบการณ์การขับขี่ และสำหรับหลายๆ คน ไม่ว่าคุณจะชอบรถมากแค่ไหนก็ตาม การได้เปิดเพลงโปรดฟังระหว่างขับรถคือหนึ่งในความสุขเรียบง่ายที่สุดในชีวิต... 

 

การเดินทางของระบบเสียงในรถยนต์ก็ยาวนานไม่แพ้กัน... จากวิทยุ AM ในยุค 1930s สู่เครื่องเล่น 8-track, CD, วิทยุดาวเทียม และยุคที่ iPod กับ iPhone ทำให้เราเข้าถึงคลังเพลงดิจิทัลในรถได้ง่ายๆ ในช่วงปี 2000s

 

แต่มาตรฐานจากโรงงานอาจยังไม่เพียงพอสำหรับบางคน 

 

"ระบบเสียงไฮเอนด์" นิยามใหม่ของ "ความหรูหรา" ธุรกิจยานยนต์อนาคต

 

ในยุคสตรีมมิ่งเพลงแบบนี้ รู้หรือไหมว่า ข้อมูลจาก Dolby ชี้ว่า ผู้ใช้งานบริการสตรีมเพลงกว่า 90% บอกว่าระบบเสียงคุณภาพสูงในรถคือ "คุณสมบัติที่ขาดไม่ได้" และพวกเขายินดีที่จ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้มา

 

Pryde เสริมว่า จากการสำรวจความเห็นคน Gen Z หลายครั้ง พวกเขาบอกว่า

 

ฉันไม่ได้อยากแค่ 'ฟัง' เพลงผ่านลำโพงทั่วๆ ไป แต่อยากให้เพลง 'พาฉันไป'

อยากรู้สึก 'ดื่มด่ำ' กับมันได้อย่างเต็มที่ในพื้นที่ส่วนตัวอย่างรถยนต์"

 

เทคโนโลยีเสียงระดับนี้กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในรถยนต์หรู... ศิลปินดังกว่า 93 คนจาก Billboard Top 100 ใช้เทคโนโลยีนี้ในการมิกซ์เสียงแล้ว

 

และรถยนต์ระดับอัลตร้าไฮเอนด์อย่าง Lotus Eletre Carbon EV SUV (ราคา 230,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ก็ติดตั้งระบบ Dolby Atmos เป็นมาตรฐาน

 

ในปีที่ผ่านมา จำนวนแบรนด์รถยนต์ที่รองรับ Dolby Atmos พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 10 แบรนด์ เป็นกว่า 20 แบรนด์ ทั้ง Mercedes-Benz, Rivian, Polestar, Volvo และล่าสุด Porsche ก็เพิ่งเข้าร่วมวงเมื่อเดือนมีนาคม

 

"ระบบเสียงไฮเอนด์" นิยามใหม่ของ "ความหรูหรา" ธุรกิจยานยนต์อนาคต

Ken Kornas ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Cadillac Celestiq ย้ำชัดเจนว่า

 

"เมื่อเทคโนโลยีเสียงในหูฟังหรือระบบไฮเอนด์ที่บ้านไปไกลขึ้น ลูกค้าของเราก็คาดหวังประสบการณ์ระดับเดียวกันในรถยนต์ด้วย"

 

ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า "เสียง" ไม่ใช่แค่เรื่องรองอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้ขาดว่ารถยนต์รุ่นไหนจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "หรูหราขั้นสุด" ในโลกอนาคต...

 

และนี่คือการลงทุนที่ผู้ผลิตรถยนต์ยอมจ่ายเพื่อยกระดับประสบการณ์ให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างแท้จริง

ข่าวล่าสุด

สธ. ปั้นนโยบายขึ้นทะเบียนยา ATMPs ‘เร็วที่สุดในอาเซียน’ ดัน 'Medical Economy'