MGM Osaka โครงการยักษ์ 3 แสนล้าน พลิกโฉมวงการท่องเที่ยวญี่ปุ่น

เจาะ MGM Osaka พลิกโฉมวงการบันเทิงและการท่องเที่ยวญี่ปุ่น

 

ในเดือนเมษายน 2025 ประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มต้นยุคใหม่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบันเทิง ด้วยการวางศิลาฤกษ์โครงการ MGM Osaka รีสอร์ตครบวงจร (Integrated Resort: IR) บนเกาะยูเมะชิมะ เมืองโอซาก้า ใกล้กับบริเวณที่ตั้งวงแหวนแกรนด์ริง สถาปัตยกรรมไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่จัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป (EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN) ครั้งล่าสุด

 

โครงการ MGM Osaka ถือเป็นรีสอร์ตคาสิโนแห่งแรกที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการภายใต้กฎหมาย IR ปี 2018 ของญี่ปุ่น ซึ่งอนุญาตให้มีการสร้างรีสอร์ตครบวงจรได้สูงสุด 3 แห่งทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน MGM Osaka เป็นโครงการเดียวที่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ

 

โครงการนี้ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในภูมิภาคคันไซ และเป็นการเปิดตลาดคาสิโนอย่างถูกกฎหมายในประเทศเป็นครั้งแรก

 

ที่น่าสนใจคือ ญี่ปุ่นใช้เวลาศึกษาและเตรียมความพร้อมสำหรับโครงการรีสอร์ตครบวงจร หรือ "รีสอร์ตคาสิโน" ในมิติต่างๆ รวมๆ แล้วนานกว่า 20 ปี ก่อนที่โครงการ MGM Osaka จะได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการในปี 2023 และเริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายนปี 2025

 

 

ภาพรวมโครงการยักษ์ 3 แสนล้าน

MGM Osaka เป็นการร่วมทุนระหว่าง MGM Resorts International จากสหรัฐฯ และ Orix Corporation จากญี่ปุ่น โดยทั้งสองถือหุ้นเท่ากันที่ 42.5% ขณะที่อีก 15% อยู่ในมือของพันธมิตรท้องถิ่น เช่น Panasonic, Kansai Electric และ West Japan Railway

 

โครงการมีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 1.27 ล้านล้านเยน (ราว 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 311,500 ล้านบาท) ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางบนเกาะเทียมยูเมะชิมะ ซึ่งตั้งอยู่ในอ่าวโอซาก้า กำหนดการเปิดให้บริการคือในฤดูใบไม้ร่วงปี 2030

 

สิ่งอำนวยความสะดวกที่วางแผนไว้มีทั้งคาสิโน โรงแรม 3 แห่ง (รวมประมาณ 2,500 ห้อง) ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ โรงละคร ร้านอาหาร และพื้นที่ค้าปลีก โดยคาดว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก และสร้างรายได้ต่อปีจากการเล่นเกมประมาณ 5.9 พันล้านดอลลาร์ พร้อม EBITDA (กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ที่มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์

 

แง่มุมทางเศรษฐกิจ

โครงการ MGM Osaka มีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคคันไซอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยการสร้างงานนับหมื่นตำแหน่งทั้งทางตรงและทางอ้อม ตลอดจนการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในญี่ปุ่นหลังยุคโควิด-19 โดยเฉพาะจากตลาดจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน โครงการยังช่วยเร่งพัฒนาระบบคมนาคมของโอซาก้า เช่น การเปิดสถานีรถไฟใต้ดินใหม่ในเดือนมกราคม 2025 และการขยายสายรถไฟ Kintetsu Nara เพื่อเชื่อมต่อกับเกาะยูเมะชิมะ

 

 

ความท้าทายและข้อวิพากษ์

แม้จะมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง แต่โครงการ MGM Osaka ก็เผชิญกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะความกังวลของสาธารณชนเกี่ยวกับปัญหาการพนัน การฟอกเงิน และผลกระทบทางสังคม

 

และแม้ว่า เวลานี้การก่อสร้างกาสิโนได้เริ่มต้นไปแล้ว  แต่ยังมีประชาชนบางส่วนที่คัดค้านโครงการ หนึ่งในกลุ่มต่อต้านได้ฟ้องร้องรัฐบาลโอซาก้า โดยให้เหตุผลว่า เมืองจะต้องรับภาระต้นทุนทางสังคมที่สูง เช่น ปัญหาการติดการพนัน ค่าใช้จ่ายของตำรวจและกระบวนการยุติธรรม  โดยญี่ปุ่นจะเก็บค่าธรรมเนียมเข้าคาสิโนจากลูกค้าชาวญี่ปุ่น และจำกัดจำนวนการเข้าใช้งานไว้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์

 

อีกทั้งการก่อสร้างบนเกาะเทียมซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวและพายุ ยังเป็นข้อท้าทายด้านวิศวกรรมและความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าพื้นที่นี้จะต้องรองรับงาน Expo 2025 และประชาชนจำนวนมาก

 

นอกจากนี้ ยังมีคำถามเกี่ยวกับความยั่งยืนของรายได้ระยะยาว โดยเฉพาะหากมีโครงการ IR อื่นเกิดขึ้นในประเทศหรือภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

 

การตัดสินใจของรัฐบาลญี่ปุ่นในการอนุญาตให้สร้างรีสอร์ตครบวงจรเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่สำคัญ แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการกระจายแหล่งรายได้ของประเทศ ซึ่งเคยพึ่งพาการผลิตและการส่งออกเป็นหลัก มาสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมการบริการและบันเทิงในระดับโลก

 

MGM Osaka จึงเป็นมากกว่าแค่รีสอร์ตคาสิโน

แต่เป็นโครงการนำร่องของรูปแบบการพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจใหม่ในญี่ปุ่น ที่ผสมผสานความหรูหรา เทคโนโลยี และการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

 

มากกว่านั้น โครงการ MGM Osaka เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น โดยมีศักยภาพในการยกระดับเมืองโอซาก้าให้กลายเป็นศูนย์กลาง IR ของเอเชียตะวันออก แม้จะมีความเสี่ยงในหลายมิติ แต่หากได้รับการบริหารจัดการที่รอบคอบและมีมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวด โครงการนี้อาจเป็นต้นแบบของการพัฒนารีสอร์ตครบวงจรในระดับโลก และเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 21

 

ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโครงการ

โครงการ MGM Osaka รีสอร์ตครบวงจร เป็นโครงการคาสิโนแห่งแรกของญี่ปุ่น ได้เริ่มต้นการก่อสร้างอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2025 บนเกาะยูเมะชิมะ (Yumeshima) ซึ่งเป็นเกาะเทียมในอ่าวโอซาก้า 

• มูลค่าการลงทุน: ประมาณ 1.27 ล้านล้านเยน (8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) กำหนดเปิดให้บริการ ฤดูใบไม้ร่วงปี 2030 
• ผู้ร่วมลงทุนหลัก: MGM Resorts International และ Orix Corporation โดยแต่ละบริษัทถือหุ้น 42.5% ส่วนที่เหลืออีก 15% ถือครองโดยพันธมิตรท้องถิ่น เช่น Panasonic, Kansai Electric, และ West Japan Railway 
• สิ่งอำนวยความสะดวก: คาสิโน, โรงแรม 3 แห่งรวมประมาณ 2,500 ห้อง, ศูนย์ประชุมขนาด 400,000 ตารางฟุต, พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ 330,000 ตารางฟุต, โรงละคร 3,500 ที่นั่ง, ร้านอาหาร, และร้านค้าปลีก
• รายได้ที่คาดการณ์: คาดว่าจะสร้างรายได้จากการเล่นเกมรวมประมาณ 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และ EBITDA มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

 

ความคืบหน้าล่าสุด

• การเพิ่มทุนของ MGM: MGM Resorts International ได้เพิ่มการลงทุนในโครงการเป็นประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเจรจากับผู้รับเหมา โดยยังคงมั่นใจในผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับสูง CasinoReviews.Net
• การก่อสร้างและงาน Expo 2025: เนื่องจากเกาะยูเมะชิมะเป็นสถานที่จัดงาน Expo 2025 การก่อสร้างจะถูกปรับลดในช่วงเวลาที่มีผู้เข้าชมหนาแน่น และการใช้เครื่องจักรหนักจะเริ่มหลังจากงาน Expo สิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025 .​
• การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: มีการเปิดสถานีรถไฟใต้ดินใหม่ในเดือนมกราคม 2025 เพื่อรองรับการเดินทางไปยังงาน Expo 2025 และ MGM Osaka ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการขยายสายรถไฟ Kintetsu Nara เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึง 

 

ไทม์ไลน์เชิงลึก: การพัฒนาแนวคิด IR ของญี่ปุ่น

 

ก่อนปี 2000s: แนวคิดยังอยู่ในเงามืด

• แนวคิดเรื่องการเปิดคาสิโนถูกกฎหมายในญี่ปุ่นยังเป็นประเด็นที่อ่อนไหวในสังคม เพราะญี่ปุ่นมีภาพลักษณ์ว่าเป็นประเทศที่ควบคุมการพนันอย่างเข้มงวด
• การพนันในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ปาจิงโกะ หรือ ลอตเตอรี่ ได้รับอนุญาตภายใต้ข้อยกเว้น แต่คาสิโนยังถูกห้ามโดยเด็ดขาด

 

2002: รายงานศึกษาอย่างเป็นทางการฉบับแรก

• สมาชิกกลุ่มนิติบัญญัติจากหลายพรรคเริ่มรวมตัวจัดตั้ง กลุ่มส่งเสริมคาสิโนแบบ IR (Pro-IR Diet Caucus)
• มีการว่าจ้างการศึกษานโยบายคาสิโนและการท่องเที่ยวจากตัวอย่างใน สิงคโปร์ ลาสเวกัส และมาเก๊า

 

2010–2015: การเคลื่อนไหวของภาคธุรกิจและท้องถิ่น

• เมืองใหญ่อย่างโอซาก้าและโยโกฮาม่าเริ่มแสดงความสนใจอย่างชัดเจน โดยมองว่าการพัฒนา IR เป็นกลไกดึงดูดการลงทุนและนักท่องเที่ยว
• ภาคเอกชน เช่น Orix และ Panasonic ร่วมผลักดันแนวคิดต่อรัฐบาลท้องถิ่น

 

ธันวาคม 2016: กฎหมาย IR Promotion Law ผ่านรัฐสภา

• รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ผลักดันกฎหมายนี้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ
• กฎหมายฉบับนี้อนุญาตให้ประเทศสามารถมีรีสอร์ตคาสิโนแบบครบวงจรอย่างถูกกฎหมายได้สูงสุด 3 แห่ง

 

กรกฎาคม 2018: กฎหมาย IR Implementation Law ผ่าน

• เป็นกฎหมายลูกที่กำหนดหลักเกณฑ์สำคัญ เช่น:
  • การจำกัดการเข้าคาสิโนของคนญี่ปุ่น (สูงสุด 3 ครั้งต่อสัปดาห์)
  • การจัดตั้งหน่วยงานควบคุมอิสระ (Casino Regulatory Commission)
  • ระบบภาษีจากรายได้ของคาสิโน
• เป็นช่วงที่รัฐบาลเริ่มเปิดรับข้อเสนอจากเทศบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ

 

2019–2020: การคัดเลือกเมืองเจ้าภาพ

• เมืองที่แสดงความสนใจมีมากกว่า 5 แห่ง เช่น โอซาก้า, โยโกฮาม่า, นางาซากิ และวากายามะ
• โอซาก้าได้รับความนิยมสูงเพราะมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม และมีเกาะยูเมะชิมะที่สามารถใช้พัฒนาได้

 

เมษายน 2022–2023: โอซาก้าเสนอแผน IR ต่อรัฐบาลกลาง

• เสนอชื่อ MGM Resorts และ ORIX เป็นผู้พัฒนาโครงการ
• ใน เมษายน 2023 แผนของโอซาก้าได้รับอนุมัติจากรัฐบาลญี่ปุ่น เป็นแห่งแรกของประเทศ

 

เมษายน 2025: เริ่มก่อสร้าง MGM Osaka

• หลังการเตรียมการนานหลายปี ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม วิศวกรรม และการเงิน โครงการได้เริ่มลงมือก่อสร้าง

 

กล่าวได้ว่า ญี่ปุ่นเลือกใช้แนวทาง "ค่อยเป็นค่อยไป" (incrementalism) ซึ่งสะท้อนความระมัดระวังสูงในนโยบายสาธารณะ โดยเฉพาะในประเด็นที่อ่อนไหวทางสังคมอย่างการพนัน รัฐบาลใช้เวลาศึกษา เรียนรู้จากกรณีศึกษาต่างประเทศ และออกแบบมาตรการควบคุมหลายชั้น เพื่อให้เกิด "ความสมดุล" ระหว่างโอกาสทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงทางสังคม

 

สรุป

• เวลาศึกษาเชิงนโยบายและการผลักดันทางกฎหมาย: เกือบ 20 ปี
• เวลาจากการผ่านกฎหมายหลักถึงการเริ่มก่อสร้าง: ประมาณ 9 ปี (2016–2025)

โครงการนี้จึงเป็นผลจากกระบวนการวางแผนระยะยาวที่ผสมผสานทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และการมีส่วนร่วมของสังคมญี่ปุ่นในระดับลึก