กฎหมายใหม่ไม่ได้ไล่คนเลี้ยงหมา แมว ! แค่ลงทะเบียน เริ่ม 10 ม.ค. 69
กทม.ย้ำ กฎหมายใหม่ไม่ได้ไล่คนหมา แมว แต่ต้องลงทะเบียน ฉีดวัคซีน ฝังไมโครชิป จำกัดจำนวนตามพื้นที่ ลดสัตว์จรจัดและโรคระบาด เริ่ม 10 ม.ค. 69 ฝ่าฝืนปรับสูงสุด 25,000 บาท
กรุงเทพมหานครเตรียมบังคับใช้ “ข้อบัญญัติการควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567” อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 มกราคม 2569 โดยมีเป้าหมายชัดเจนเพื่อจัดระเบียบการเลี้ยงสัตว์ในเมืองใหญ่ ลดปัญหาสัตว์จรจัด และควบคุมโรคระบาดในสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะ “โรคพิษสุนัขบ้า” ที่ยังคงเป็นภัยเงียบในหลายพื้นที่
รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมตัวแทนจากภาครัฐและเอกชน ร่วมแถลงถึงแนวทางการเตรียมความพร้อม ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 โดยเน้นย้ำว่า ข้อบัญญัตินี้ไม่ได้มีเจตนาจะลงโทษผู้เลี้ยงสัตว์ แต่ต้องการให้เกิดความรับผิดชอบและการอยู่ร่วมกันอย่างมีระเบียบในชุมชนเมือง
กฎหมายใหม่ไม่ได้ไล่คนเลี้ยงสัตว์ ! แค่ “ลงทะเบียน
ข่าวดีสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงคือ ข้อบัญญัตินี้ไม่มีผลย้อนหลัง กล่าวคือ หากมีการเลี้ยงสัตว์เกินจำนวนที่กฎหมายใหม่กำหนดอยู่ก่อนแล้ว เจ้าของสามารถแจ้งลงทะเบียนเพื่อเลี้ยงต่อได้ตามปกติจนกว่าสัตว์จะสิ้นอายุขัย ไม่จำเป็นต้องหาบ้านใหม่หรือนำไปปล่อย
อย่างไรก็ดี ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องดำเนินการลงทะเบียนภายใน 90 วันหลังข้อบัญญัติมีผล หรือภายในวันที่ 9 เมษายน 2569 โดยไปแจ้งที่สำนักงานเขต พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบรับรองวัคซีน และหนังสือยินยอมจากผู้ให้เช่าหากพักอาศัยในที่เช่า
จำกัดจำนวนสัตว์เลี้ยงตามพื้นที่ – เพื่อความเหมาะสมและปลอดภัย
กทม.กำหนดเกณฑ์ชัดเจนว่าพื้นที่แบบไหนเลี้ยงสัตว์ได้กี่ตัว เช่น ห้องชุด 20–80 ตร.ม. เลี้ยงได้ 1 ตัว, ถ้าเกิน 80 ตร.ม. เลี้ยงได้ 2 ตัว ขณะที่บ้านที่มีเนื้อที่มากกว่า 100 ตร.วา สามารถเลี้ยงได้สูงสุด 6 ตัว โดยแนวทางนี้ครอบคลุมทั้งสุนัข แมว และสัตว์ประเภทอื่น เช่น สัตว์ปีก สัตว์น้ำ และสัตว์เลื้อยคลาน เพื่อป้องกันความแออัดและลดปัญหาทางสาธารณสุข
ต้องฉีดวัคซีน-ทำหมัน-ฝังไมโครชิป
ข้อบัญญัตินี้ยังกำหนดให้เจ้าของต้องดำเนินการจดทะเบียนและฝังไมโครชิปในสัตว์ภายใน 120 วันหลังสัตว์เกิด หรือภายใน 30 วันหลังย้ายมาเลี้ยงในพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมจัดทำบัตรประจำตัวสัตว์ เพื่อป้องกันการพลัดหลงและยืนยันความเป็นเจ้าของกรณีเกิดข้อพิพาทหรือพบสัตว์หลุดออกจากบ้าน
พฤติกรรมเจ้าของสัตว์ต้องเปลี่ยน – เพราะกฎหมายใหม่ “บังคับจริง”
เจ้าของสัตว์ต้องดูแลสัตว์อย่างเหมาะสม เช่น จัดที่เลี้ยงที่สะอาด มีอาหาร น้ำ และระบบระบายอากาศที่ดี รวมถึงต้องไม่ปล่อยสัตว์ให้เป็นอันตรายหรือละเมิดสิทธิของเพื่อนบ้าน การพาสุนัขออกนอกบ้านต้องใช้สายจูง และในกรณีของสุนัขพันธุ์ดุร้าย ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันเพิ่มเติม เช่น ตะกร้อครอบปาก และสายจูงห่างคอไม่เกิน 50 เซนติเมตร ห้ามเด็กหรือผู้สูงอายุนำสัตว์ออกนอกบ้านในกรณีเหล่านี้
มาตรการบังคับใช้จริง – โทษปรับสูงสุด 25,000 บาท
หากไม่ปฏิบัติตาม ผู้ฝ่าฝืนข้อบัญญัติอาจถูกลงโทษตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีโทษปรับสูงสุดถึง 25,000 บาท
กทม. เดินหน้าเชิงรุก – คลินิกสัตวแพทย์ครบทุกกลุ่มเขต
กทม.เตรียมพร้อมสนับสนุนประชาชนด้วยคลินิกสัตวแพทย์ 8 แห่งครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ พร้อมหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการฉีดวัคซีน ทำหมัน และจดทะเบียนสัตว์ โดยประสานงานร่วมกับภาคเอกชน สมาคมสัตวแพทย์ และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น
ข้อบัญญัติใหม่นี้อาจดูเป็นภาระในสายตาผู้เลี้ยงสัตว์บางคน แต่หากมองในภาพรวม นี่คือก้าวสำคัญของเมืองใหญ่ในการสร้างความสมดุลระหว่าง “คน” กับ “สัตว์” บนพื้นฐานของความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อให้ทั้งสัตว์และคนอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาวะที่ดีในระยะยาว


