“มนพร” ดันพัฒนาท่าเรือสำราญ-แลนด์บริดจ์ เฟส 3 สนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง
อัพเดทความก้าวหน้า 6 บิ๊กโปรเจ็กต์คมนาคม ภายใต้รัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร“ ในวิสัยทัศน์ที่ว่า Mega Project Mega Power พลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมเพื่อการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา Dinner Talk : Go Thailand 2025 Women Run the World พลังหญิงเปลี่ยนโลก จัดโดยฐานเศรษฐกิจว่า
รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร มีรัฐมนตรีหญิงถึง 8 คน โดยนายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสและมอบหมายให้สตรีเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนนโยบาย และขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีหญิงทุกคนสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี และเป็นที่ยอมรับในสายตาของประชาชน
โดยหลังจากที่นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยรัฐบาลมีนโยบายในการเดินหน้าการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ (Mega Project) เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ
กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดการดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสและพลิกโฉมให้กับประเทศไทยผ่านการลงทุนทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ อย่างเป็นระบบ
ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ได้ใช้ข้อได้เปรียบของตำแหน่งที่ตั้งที่ประเทศไทยอยู่ตรงกลางของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งการที่ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงกลางของภูมิภาคอาเซียน ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการเดินทางของคน และเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า
“หากเราทำการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมได้ จะทำให้ประชาชนทั่วโลกที่เดินทางมาในภูมิภาคอาเซียนจะเดินทางมาประเทศไทยก่อน แล้วต่อเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังประเทศจุดหมายปลายทาง หรือสินค้าต่าง ๆ ที่จะขนส่งมายังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคก็ต้องขนส่งมาที่ประเทศไทยก่อนที่จะกระจายต่อไปยังประเทศต่าง ๆ โดยรอบ ผ่านระบบโครงข่ายคมนาคมที่ดีของไทยเรา” นางมนพร กล่าว
ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่ของประเทศไทยในปัจจุบันมาจากภาคการท่องเที่ยว จากสถิติที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยถึง 35.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26% เทียบกับปีที่แล้ว และนำรายได้เข้าประเทศกว่า 1.67 ล้านล้านบาท สร้างการจ้างงานกว่า 7 ล้านคน หรือ 20% ของการจ้างงานทั้งหมด
สำหรับในปีนี้ ปี 2568 ประเทศไทยครองตำแหน่ง Destination of the Year 2025 โดยได้รับตำแหน่งติดต่อกันมาแล้ว 10 ปี ประเทศไทยจึงถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมาเยือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ภาคการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนให้กับเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและอนาคต
อย่างไรก็ตามกระทรวงคมนาคมได้มุ่งหน้าขับเคลื่อนโครงข่ายคมนาคมเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะ การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญขนาดใหญ่ ประเทศไทยเองมีตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์บนเส้นทางการท่องเที่ยวทางทะเลระหว่างประเทศที่สำคัญ
นายมนพร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยกลับไม่มีท่าเทียบเรือในการรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่โดยเฉพาะโดยต้องแบ่งใช้พื้นที่บางส่วนในท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือเกาะสมุย และท่าเรือภูเก็ต ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางกระทรวงคมนาคม ได้มีแผนการก่อสร้างท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ซึ่งครอบคลุมทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จำนวน 3 แห่ง ได้แก่
1. ท่าเรือสำราญบริเวณแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา 2. ท่าเรือสำราญภูเก็ต และ 3. ท่าเรือสำราญเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยหลังจากที่ท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ทั้ง 3 แห่งเปิดให้บริการจะส่งผลให้มีจำนวนเรือสำราญขนาดใหญ่แวะเข้าเทียบท่ามากขึ้น สร้างเม็ดเงินและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากเดิมไม่น้อยกว่า 7 - 8 เท่า