posttoday

สำรวจโมเดล Integrated Resorts (IRs) สิงคโปร์ และเครื่องมือต่อต้านการฟอกเงิน

03 กุมภาพันธ์ 2568

สิงคโปร์เปิด ”กาสิโน” ภายใต้โมเดล Integrated Resorts (IRs) หรือ รีสอร์ตครบวงจรที่ประสบความสำเร็จสุดๆ เป็นโมเดลต้นแบบของ “การผสมผสานการท่องเที่ยวกับมาตรการควบคุมที่เข้มงวด” เพื่อป้องกันผลกระทบด้านลบจากอุตสาหกรรมการพนัน เขาทำอย่างไร?

โมเดลกาสิโนแบบสิงคโปร์ ความพิเศษที่น่าสนใจ

สิงคโปร์มี “โมเดลกาสิโน” แบบจำกัดและควบคุมอย่างเข้มงวด (Controlled and Restricted Casino Model) ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ที่อนุญาตให้มีการพนันเสรี โมเดลนี้ได้รับการออกแบบให้กาสิโนเป็นส่วนหนึ่งของ “รีสอร์ตครบวงจร (Integrated Resorts – IRs)” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ แต่ยังคงควบคุมผลกระทบด้านลบต่อสังคม

 

โมเดล Integrated Resorts (IRs) ของสิงคโปร์ 

 

เป็นต้นแบบของรีสอร์ตครบวงจรที่ประสบความสำเร็จสูง เน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยที่ ไม่พึ่งพารายได้จากคาสิกาเพียงอย่างเดียว แต่ใช้ความบันเทิง ศูนย์ประชุม และแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกเป็นปัจจัยหลัก ทำให้สามารพสร้างรายได้ได้ทุกวันไม่เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์

 

แผนที่เกาะเซ็นโตซ่า Guide Map ของรีสอร์ตครบวงจร (IRs) โมเดลสิงคโปร์

 

องค์ประกอบโมเดล IRs ของสิงคโปร์

กาสิโน (Casino) – มีข้อกำหนดควบคุมเข้มงวด เช่น ค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโนสำหรับชาวสิงคโปร์เพื่อป้องกันปัญหาการพนัน

โรงแรมหรู (Luxury Hotels) – ที่พักระดับ 5 ดาวพร้อมบริการพรีเมียม

ศูนย์การประชุมและนิทรรศการ (MICE - Meetings, Incentives, Conferences, Exhibitions) – รองรับนักธุรกิจและอีเวนต์ระดับนานาชาติ

แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและความบันเทิง – เช่น พิพิธภัณฑ์ สวนสนุก และการแสดงระดับโลก

ศูนย์การค้าและร้านอาหารระดับพรีเมียม – มีแบรนด์หรูและร้านอาหารระดับมิชลิน

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแลนด์มาร์กสำคัญ – เช่น สวนลอยฟ้า สวนน้ำ และชายหาด 

 

Resorts World Sentosa (RWS) สิงคโปร์  – ดำเนินการโดย Genting Group

 

โมเดลนี้อาจเป็นแนวทางสำหรับประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการพัฒนารีสอร์ตครบวงจรแบบยั่งยืน โดยเน้น “การผสมผสานการท่องเที่ยวกับมาตรการควบคุมที่เข้มงวด” เพื่อป้องกันผลกระทบด้านลบจากอุตสาหกรรมการพนัน

 

โครงสร้างโมเดลกาสิโนของสิงคโปร์

 

1. 

กาสิโนเป็นส่วนหนึ่งของรีสอร์ตครบวงจร (IRs) โดยสิงคโปร์อนุญาตให้มีเพียง 2 กาสิโน ซึ่งอยู่ในรีสอร์ตครบวงจร คือ

Marina Bay Sands (MBS) – ดำเนินการโดย Las Vegas Sands

Resorts World Sentosa (RWS) – ดำเนินการโดย Genting Group

 

ทั้งสองแห่งได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลสิงคโปร์ และให้บริการโรงแรม ศูนย์ประชุม แหล่งช็อปปิ้ง และความบันเทิงอื่น ๆ นอกเหนือจากกาสิโน 

 

2. 

กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแล

สิงคโปร์มีกฎหมายและหน่วยงานที่ควบคุมกาสิโนอย่างเข้มงวด ได้แก่:

• Casino Control Act (CCA) – กฎหมายหลักที่กำกับดูแลกาสิโน

• Casino Regulatory Authority (CRA) – หน่วยงานที่ดูแลการออกใบอนุญาตและควบคุมกาสิโน

• Ministry of Home Affairs (MHA) และ Monetary Authority of Singapore (MAS) – มีบทบาทในการป้องกันการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงินในกาสิโน

 

Marina Bay Sands (MBS) สิงคโปร์ - ดำเนินการโดย Las Vegas Sands

 

3.

มาตรการป้องกันผลกระทบทางสังคม

สิงคโปร์มีนโยบายควบคุมการพนันอย่างเข้มงวดเพื่อลดปัญหาการติดการพนัน:

 

- เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโนสำหรับคนสิงคโปร์และผู้พำนักถาวร (Entry Levy) ต้องจ่าย S$150 (ประมาณ 4,000 บาท) ต่อวัน หรือ S$3,000 (ประมาณ 90,000 บาท) ต่อปี เป็นมาตรการลดการเข้าถึงของประชาชนทั่วไปและป้องกันการเล่นพนันเกินตัว

 

- มีคำสั่งห้ามเข้า (Exclusion Orders) บุคคลที่มีปัญหาการเงินหรือปัญหาครอบครัวสามารถถูกแบนจากกาสิโนโดยสามารถสมัคร Self-Exclusion หรือ Family Exclusion ได้

 

4.

การกำกับดูแลทางการเงิน

มาตรการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินที่เข้มงวด กำหนดให้มี Know Your Customer (KYC) เพื่อตรวจสอบผู้เล่น

โมเดลนี้ช่วยให้สิงคโปร์สามารถสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวโดยไม่กระทบต่อประชากรในประเทศมากเกินไป

• รายได้จากกาสิโนช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว

• ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง เช่น นักพนันจากจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

• ก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมากในภาคบริการและการท่องเที่ยว

 

ข้อจำกัดและอนาคตของกาสิโนในสิงคโปร์

• รัฐบาลสิงคโปร์จำกัดจำนวนกาสิโนไว้ที่ 2 แห่งเท่านั้นจนถึงปี 2030

• มีการต่ออายุใบอนุญาตให้ Marina Bay Sands และ Resorts World Sentosa โดยต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมในการขยายรีสอร์ต

• อาจมีการเพิ่มมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันปัญหาสังคมที่อาจเกิดขึ้น

 

5.

มาตรการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ของสิงคโปร์

สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของโลกจึงให้ความสำคัญกับมาตรการต่อต้านการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering: AML) และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Countering the Financing of Terrorism: CFT) อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการใช้ระบบการเงินของประเทศในทางที่ผิด

 

มาตรการ AML/CFT ของสิงคโปร์อยู่ภายใต้กฎหมายและแนวปฏิบัติสำคัญ เช่น

 

- The Corruption, Drug Trafficking and Other Serious Crimes (Confiscation of Benefits) Act (CDSA) – กำหนดให้การฟอกเงินเป็นอาชญากรรมร้ายแรง

 

- Terrorism (Suppression of Financing) Act (TSOFA) – ห้ามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

 

- The Monetary Authority of Singapore (MAS) Notice on AML/CFT – กำหนดแนวปฏิบัติสำหรับสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ และกาสิโน

 

- The Casino Control Act (CCA) – ควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงินของกาสิโนให้โปร่งใส

 

- The Payment Services Act (PSA) – ควบคุมธุรกรรมทางการเงินดิจิทัล รวมถึงคริปโทเคอร์เรนซี

 

มาตรการ AML/CFT ที่สิงคโปร์บังคับใช้

Customer Due Diligence (CDD) – การตรวจสอบลูกค้า

• สถาบันการเงินต้องทำ KYC (Know Your Customer) เพื่อตรวจสอบตัวตนของลูกค้า

• ต้องระบุ Ultimate Beneficial Owner (UBO) ของบัญชีหรือธุรกรรม

• กรณีที่ลูกค้าเป็น Politically Exposed Person (PEP) จะต้องมีการตรวจสอบที่เข้มงวดเป็นพิเศษ

 

Suspicious Transaction Reporting (STR) – รายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย

• ธนาคารและสถาบันการเงินต้องรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยต่อ Commercial Affairs Department (CAD) และ Suspicious Transaction Reporting Office (STRO)

• ต้องมีระบบ AI และ Machine Learning วิเคราะห์ธุรกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน

 

Record Keeping – การเก็บบันทึกข้อมูล

• สถาบันการเงินต้องเก็บบันทึกธุรกรรมไว้อย่างน้อย 5 ปี

• ข้อมูลที่ต้องเก็บ เช่น ข้อมูลลูกค้า เอกสาร KYC และรายละเอียดธุรกรรม

 

มาตรการ AML ในภาคกาสิโนและรีสอร์ตครบวงจร (IRs)

 

เนื่องจากสิงคโปร์มีกาสิโนใน Marina Bay Sands และ Resorts World Sentosa รัฐบาลจึงใช้มาตรการ AML ที่เข้มงวด เช่น

การตรวจสอบตัวตนของผู้เล่น – ต้องมีการลงทะเบียนและตรวจสอบ KYC ก่อนเข้ากาสิโน

จำกัดธุรกรรมเงินสด – ต้องรายงานธุรกรรมที่เกิน 5,000 SGD

ต้องรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย – ส่งรายงาน STR ต่อเจ้าหน้าที่

 

สำรวจโมเดล Integrated Resorts (IRs) สิงคโปร์ และเครื่องมือต่อต้านการฟอกเงิน

 

และแม้จะมีกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินและการควบคุมกาสิโนที่เข้มงวดขนาดนี้สิงคโปร์ก็ยังต้องเผชิญกับคดีฟอกเงินครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ในปี 2023

 

คดีฟอกเงิน 3,000 ล้าน SGD (2023)

สิงคโปร์เปิดโปงเครือข่ายอาชญากรรมฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 3,000 ล้าน SGD ทรัพย์สินรวมถึงเงินสด อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ และคริปโทเคอร์เรนซี มีผู้ต้องสงสัย 10 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากการพนันออนไลน์และอาชญากรรมข้ามชาติ

 

รวมถึงการสอบสวน Marina Bay Sands ในปี 2020 เกี่ยวกับการโอนเงินของลูกค้าระดับ VIP ที่อาจฝ่าฝืนกฎ AML ทำให้กาสิโนต้องปรับปรุงนโยบาย KYC และการตรวจสอบธุรกรรมของลูกค้า

 

สรุปก็คือ สิงคโปร์เป็นทั้งโมเดลธุรกิจ "รีสอร์ทครบวงจร" ที่เป็นต้นแบบอันดีให้กับ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ของไทย และยังเป็นแบบอย่าง รวมทั้งกรณีศึกษาในด้านกฎหมาย โดยเฉพาะมาตรการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (CFT) ที่เข้มงวด โดยการบังคับใช้กฎหมายที่แข็งแกร่ง เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยงทางการเงิน และรัฐบาลสิงคโปร์ยังคงพัฒนากฎระเบียบให้ทันสมัยเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคการเงินดิจิทัลและอุตสาหกรรมกาสิโน