posttoday

เล่าความยั่งยืน 200 ปี สวิสผู้มาก่อนกาล กับผู้บริหารไทยสายเลือด"ยุงเฟรา"

20 พฤศจิกายน 2567

เล่าความซัสเทนๆ แบบชาวสวิสของแท้ ผ่านสายตาผู้บริหารชาวไทย สายเลือด "ยุงเฟรา" กิจการรถไฟที่ยิ่งใหญ่กับอาณาจักรท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์แห่ง "เบอร์นิสโอเบอร์แลนด์" ประสบการณ์ทางดวงตาที่เต็มไปด้วยรายละเอียดในหัวใจ สร้างให้ชาวสวิสรักษาธรรมชาติไว้ได้อย่างยาวนาน

รถไฟยุงเฟราสายสีแดง บนเส้นทางสู่ "ยุงเฟรายอค" (Jungfraujoch) ช่องสันเขารูปอานม้าอันโด่งดังระดับTop of Europe

 

“เราใช้รถไฟขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามานานกว่าร้อยปีแล้วค่ะ แล้วเราก็มีโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใช้มานานแล้ว และมีไฟเหลือใช้นำไปขายคืนให้กับการไฟฟ้าได้อีก ตอนนี้เรากำลังจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เป็นโปรเจ็กต์ต่อไป...”

 

คำบอกเล่าถึงความสำคัญของการใช้พลังงานสะอาดของชาวสวิสจากคุณเพ็ญ ติยะวรากุล ผู้แทนประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การรถไฟยุงเฟรา กิจการรถไฟเอกชนของสวิตเซอร์แลนด์ บริหารงานโดยบริษัท ยุงเฟราบาห์เนน เมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน)

 

สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศท่องเที่ยวมานานเกือบ 200 ปี มีภูเขาเป็นจุดขายสำคัญ ความคลาสสิคของสวิตเซอร์แลนด์อยู่ในรายละเอียดต่างๆ ของชีวิตแบบชาวสวิสที่ผู้มาเยือนทุกคนสามารถสัมผัสได้ ทุกสิ่งอย่างล้วนคำนึงถึง “ต้นทุน” หรือสิ่งที่จะต้องสูญเสียไป นั่นเป็นข้อดี

 

จนสามารถกล่าวได้ว่า “อุปนิสัยด้านความยั่งยืน” ของชาวสวิสมีมานานแล้ว ใครจะรู้ว่า สาเหตุของความยั่งยืนที่แท้จริงมาจาก ความรู้จักกินรู้จักใช้ในแบบ maximize use หรือ เกิดประโยชน์สูงสุด ทุกอย่างถูกนำมาคำนวณค่าใช้จ่ายหรือสิ่งที่ต้องเสียไป ความยั่งยืนจึงเป็นแค่ผลพลอยได้ จากอุปนิสัย “มากไปด้วยรายละเอียด” ที่มีอยู่ในสายเลือดชาวสวิสมาอย่างยาวนาน


วันนี้ผู้ที่จะมายืนยัน “ความสวิตเซอร์แลนด์” กับโพสต์ทูเดย์แบบ Exclusive ก็คือคุณเพ็ญ ติยะวรากุล ผู้แทนประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ทำงานกับการรถไฟยุงเฟราแห่งสวิตเซอร์แลนด์มายาวนานถึง 20 ปี พานักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางไปทั่วภูมิภาคอันแสนมหัศจรรย์ของขุนเขา ก่อนไต่ขึ้นสู่ยอดสุดของยุโรป ช่องสันเขาอานม้าอันโด่งดัง "ยุงเฟรายอค"...

 

คุณเพ็ญ ติยะวรากุล ผู้แทนประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การรถไฟยุงเฟรา (Jungfrau Railway)

 

ความยั่งยืนที่มันมีมาอยู่แล้วในสายเลือด กล้าพูดอย่างนั้นได้ไหม ตลอดระยะเวลาที่เปิดเป็นประเทศท่องเที่ยวมานานเกือบ 200 ปี

สามารถพูดแบบนั้นได้ค่ะ เพราะความเป็นสวิสก็คือ อะไรที่อยู่มาได้เป็นร้อยปี อีกร้อยปีมันก็จะอยู่ได้ ฉะนั้นปัญหาคือ ณ ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาเร็วเกินไป แล้วคนรุ่นเก่าต้องปรับจูนเข้ามาให้เจอกัน แต่ด้วยความดีก็คือ ด้วยความเป็นมนุษย์ เราเป็น "สมาพันธรัฐสวิส" มี 7 แคนทอน (Canton คือ แคว้น รัฐ หรือ มณฑล) 7 ประธานาธิบดี เพราะฉะนั้นมันก็จะมีความหลากหลาย เราก็จะ take turn กลับคืนมา เพราะฉะนั้นความต้องการของคนทั้งหมดจะถูกส่งผ่านตัวแทนที่ได้มาจากแต่ละแคนทอน

 

กล่าวได้ว่า แต่ละแคนทอนมีจุดเด่นหรือมีจุดขายของตัวเอง ยุงเฟราอยู่ในเขตรัฐเบิร์น (หรือแบร์น) สำเนียงภาษาในการพูดก็จะแตกต่างกันไป แคนทอนทางเบิร์นจะมีจุดเด่นคือคนภูเขา จุดขายเราคือธรรมชาติ เราขายภูเขาเป็นหลัก เพราะเราเป็นเบอร์นิสโอเบอร์แลนด์ จุดที่ยาวที่สุดอยู่ในรัฐเบิร์น

 

คุณเพ็ญพูดถึง "เบอร์นิสโอเบอร์แลนด์" หรือ เทือกเขาแอลป์เบอร์นิส หนึ่งใน 3 เทือกเขาย่อยที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์ ร่วมกับเพนไนน์แอลป์และเทือกเขามงบล็อง ชื่อแอลป์เบอร์นิสบ่งบอกชัดว่าตั้งอยู่ในภูมิภาคเบอร์นิสโอเบอร์แลนด์ (Bernese Oberland) ของรัฐเบิร์น

 

"ยุงเฟรายอค" ช่องสันเขาอานม้า บริเวณระเบียงสฟิงซ์ที่สามารถมองเห็นยอดเขาเมิ๊นซ์และยุงเฟราได้แบบใกล้ชิด

ยอดเขาไอเกอร์ (Eiger) ด้านนอร์ธเฟซ จากกรินเดิลวาลด์ เฟียสต์

 

รู้หรือไม่ ซูริคไม่ใช่เหมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ แต่เมืองหลวงโดยพฤตินัยคือกรุงแบร์น สวิตเซอร์แลนด์มีผู้นำรัฐบาล 7 คนที่เรียกว่าคณะมนตรีแห่งสมาพันธ์ (Federal Council) แต่ละคนจะหมุนเวียนขึ้นเป็นประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งวาระ 1 ปี

 

อุปนิสัยประหยัดแบบชาวสวิสที่นำไปสู่ความยั่งยืน

กล่าวได้ว่า ทุกอย่างจะถูกนำมาคิดคำนวณในการมีชีวิตอยู่ที่สวิส ขยะที่เราทิ้ง น้ำที่เราใช้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มี รัฐบาลก็จะดูแลส่วนหนึ่ง เราก็จะดูแลส่วนหนึ่ง ข้อดีก็คือหลังจากโควิด-19 ชาวสวิสเกิดความเชื่อมั่นในความเป็นครอบครัวมากขึ้น แล้วกระแสของเจน Z เริ่มแรงเพราะ work from home ซึ่งจะมีปัญหากับบริษัทที่ทํามาร์เก็ตติ้งกับเอเชียด้วยไทม์โซนคนละไทม์โซน ทั้งด้วยวิธีการทํางานและด้วยเวลา เด็กสมัยใหม่จะมีวิธีคิดที่แตกต่างไป

 

ฉะนั้นมันก็เลยไปอยู่ในข้อหนึ่งของ sustainability คือคนทุกเลเวลจะต้องมีสิทธิ์ในการทํางานในบริษัทใหญ่อย่าง LGBTQ หรือคนพิการ คือต้องมีคนเหล่านี้เข้ามาแล้วให้ทําอยู่ในส่วนที่พวกเขาสามารถทําได้ ที่พิเศษคือเลือกได้ว่าจะทํางานกี่เปอร์เซ็นต์ และไม่จําเป็นต้องทําร้อยเปอร์เซ็นต์

 

detail เล็กๆ แบบนี้มันกลายเป็น sustainable ข้อหนึ่ง เช่น กระดาษ หรือกระดาษรีไซเคิลก็เป็นหนึ่งในข้อหนึ่งว่าคุณเป็น sustain เลเวลไหน ฉะนั้น ห้ามมีกระดาษหรือเศษขยะเยอะ เช่น ตั๋วที่เราใช้เราจะพยายามให้เล็กที่สุด แล้วตอนนี้เรากำลังพยายามทำให้ทุกอย่างเป็น paperless ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันยังยากในเรื่องของบัญชี แต่เรื่องตั๋วโดยสารเรากําลังทํา อีกหน่อยอาจใช้คิวอาร์โค้ดจากโทรศัพท์แทน แต่ถ้าแบตโทรศัพท์หมดจะทำยังไง มันก็ยังแย้งกันอยู่ ซึ่งเราอาจจะใช้วิธี on request ในอนาคต ตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์กําลังเทสระบบกันอยู่ อย่างบริษัททัวร์ที่มี voucher มาแลกตั๋วอาจจะเป็น e-voucher แทน เรากําลังรองรับสิ่งเหล่านี้ คือนำอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาแทนกระดาษค่ะ แล้วก็พยายามให้มีการนำกระดาษไปทํา recycle หรือว่ากระดาษไปเป็นขยะให้น้อยที่สุด

  เล่าความยั่งยืน 200 ปี สวิสผู้มาก่อนกาล กับผู้บริหารไทยสายเลือด"ยุงเฟรา"

 

นักท่องเที่ยวอย่างชาวเอเชียต้องปรับตัวกันยังไง?

นักท่องเที่ยวจะถูกแยกเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มที่มากับบริษัททัวร์และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเอง ถ้ามาจากบริษัททัวร์ก็จะไม่มีปัญหาเพราะมาแล้วไปเลย และถูกดูแลแล้วโดยบริษัททัวร์ที่พาเข้ามา ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเองจะค่อนข้างมีปัญหา เพราะไม่มีความรู้เรื่องกติกา หรือคณะใหญ่ที่เข้ามาทํากิจกรรม ปัญหาเบสิคคือเรื่องขยะ อย่างบ้านเราทิ้งตรงไหนก็ได้เอาถุงอะไรใส่ก็ได้ทิ้งได้ ที่นั่นไม่ได้ ยูต้องมีที่ทิ้ง ขยะคุณเป็นขยะแบบไหน ทิ้งตรงไหนถ้าทิ้งผิดกล้องเห็น เขาก็จะตามไปดูว่าใครเป็นคนทิ้ง นั่นยังไม่เท่าไหร่ เพราะนั่นคือรีไซเคิลชัดเจน แต่ก็มีแบบที่เจอนักท่องเที่ยวแบบ Open Trip ที่มาเองเอาขยะรวมกันใส่ถุงดำแล้วนำไปทิ้ง หรือคณะที่มาถ่ายทำละครมีขยะเยอะ ก็ต้องมาคุยกันว่าจะทิ้งที่ไหน
 

แล้วเราก็ต้องแยกขยะและเศษอาหารเหลือ เพราะร้านอาหารก็ต้องไปแยกเหมือนกัน แล้วเขาก็จะมีวันทิ้งขยะว่า วันนี้ทิ้งกระดาษ กระดาษรีไซเคิล วันนี้ทิ้งกล่อง แล้วก็ต้องมัดให้เรียบร้อย ถ้ามัดไม่เรียบร้อยก็โดนดุค่ะ และขยะจะมีการแยกประเภทว่า ขยะแบบไหนถุงสีอะไรแยกให้ชัดเจนแล้วก็มัดแล้วไปทิ้งไว้ในที่ทิ้งขยะใหญ่ จากนั้นก็จะมีวันที่มาเก็บไป ยกเว้นร้านอาหารร้านหรือร้านค้าก็จะมีวิธีอื่นในการจัดเก็บก็จะเสียค่าการจัดเก็บ

 

บรรยากาศสถานีไคลเน่ ไชเดกก์ (Kleine Scheidegg) ก่อนขึ้นรถไฟยุงเฟราสายสีแดงสู่งยุงเฟรายอค

สถานีไคลเน่ ไชเดกก์ (Kleine Scheidegg) ด้านที่มองเห็นยอดเขายุงเฟรา

ผลกระทบจากกฎระเบียบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Change

ไม่มีผลกับเรา เพราะกฎเหล็กของเรามีมานานแล้ว และพวกกระแสไฟฟ้าหรือพลังงานแทบทุกอย่างมันเป็น Clean Energy หรือ พลังงานสะอาดมาตั้งแต่ 100 กว่าปีที่แล้ว เพราะเราผลิตไฟใช้เอง เรามี Hydro Power Plant มาเป็นร้อยปีแล้วค่ะ

 

เรียกว่า เป็นความยั่งยืนที่มาก่อนกาล

ใช่ค่ะ เรียกว่ามาก่อนกาลได้เลย ก็คือ maximize use สิ่งที่เรามี อันนี้ก็จะเห็นว่าทางฝั่งของเราว่า มันเป็นเบอร์นิสโอเบอร์แลนด์ ฉะนั้นหน้าร้อน น้ำตกลงมาเยอะ ก็เลยเป็นที่มาของการทําไฟใช้เอง และเป็นที่มาที่ตอบโจทย์ในการทํารถไฟจากพลังงานไฟฟ้า แรกสุดจากอินเทอร์ลาเคิน (Interlaken) ไปกรินเดิลวาลด์ (Grindelwald) - เลาเทอร์บรุนเนน (Lauterbrunnen) นั่นคือหนึ่งเจ้าของ กรินเดิลวาลด์ไปไคลเน่ ไชเดกก์ (Kleine Scheidegg) จากไคลเน่ ไชเดกก์ลงมาเลาเทอร์บรุนเนนอีกหนึ่งเจ้าของ ดังนั้นเจ้าของกิจการตรงนี้เขาทำเอาไว้แล้ว คือมีโรงงานผลิตไฟฟ้าไว้ใช้อยู่แล้ว ส่วนยุงเฟราเรลเวย์สร้างเส้นทาง รถไฟ (สายสีแดง) จากไคลเน่ ไชเดกก์ขึ้นไปยุงเฟรายอค นั่นคือยุงเฟราในสมัยโบราณ ก่อนจะควบรวมหรือซื้อกิจการทั้งหมด กลายเป็นบริษัทมหาชน คือ บริษัท ยุงเฟราบาห์เนน เมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน

 

หมู่บ้านกรินเดิลวาลด์ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของสวิตเซอร์แลนด์และเทือกเขาแอลป์

 

กรินเดิลวาลด์ (Grindelwald) ประตูสู่ภูมิภาคยุงเฟรา

หมู่บ้านน้อยๆ ในใจกลางเทือกเขาแอลป์เบอร์นิส (Bernese Alps) แห่งนี้อยู่ในเขตรัฐเบิร์น (Bern) ของสวิตเซอร์แลนด์ตะวันตก สูงจากระดับน้ำทะเลเบาๆ  1,034 เมตร หายใจได้เต็มปอด หากกล่าวได้ว่าอากาศบริสุทธิ์คือยาอายุวัฒนะที่ดีที่สุดของมนุษย์ มาที่นี่ 7 วันอาจต่ออายุไปได้อีก 70 ปี สวิตเซอร์แลนด์รักษาขนาดที่พอดีและความโล่งกว้างแบบพานอรามาของหมู่บ้านและเทือกเขาไว้ได้อย่างยั่งยืน แม้การท่องเที่ยวจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่อปีกว่า 11 ล้านคน มากกว่าจำนวนประชากรทั้งหมด (ราว 8.9 ล้านคน) ของสวิตเซอร์แลนด์เสียอีก

 

ชุมชนร้านค้าบริเวณสถานีรถไฟกรินเดิลวาลด์

 

หมู่บ้านกรินเดิลวาลด์ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้งสวิตเซอร์แลนด์และเทือกเขาแอลป์นับตั้งแต่ยุคทองของการปีนเขาในศตวรรษที่ 19 จุดที่สูงที่สุดคือ กรินเดิลวาลด์ เฟียส (Grindelwald First) ที่เราจะมองเห็นยอด เวทเทอร์ฮอร์น (Wetterhorn) เชรคฮอร์น (Schreckhorn) เมิ๊นซ์ (Monch) ไปจนถึงไอเกอร์ (Eiger) ด้านทิศเหนือ หรือ นอร์ธเฟซ ได้ชัดเจนในวันฟ้าใส

 

เฟียสคลิฟฟ์วอล์ค บนกรินเดิลวาลด์เฟียส ทางเดินเลียบหน้าผา กับวิวทิวทัศน์แบบพานอรามาของเทือกเขาแอลป์

 

กรินเดิลวาลด์เชื่อมต่อกับอินเทอร์ลาเคิน (Interlaken) เมืองใหญ่ของรัฐเบิร์นด้วยรถไฟเบอร์นิสโอเบอร์แลนด์ เช่นเดียวกับเมืองเลาเทอร์บรุนเนน และเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนรถไฟเว็งเงินนาล์ป (Wengernalp) รถไฟล้อเฟืองสายสีเขียวเหลืองสดใสซึ่งนำไปสู่ไคลเน่ ไชเดกก์ (​​​​Kleine Scheidegg) จุดเริ่มต้นของรถไฟยุงเฟราสายสีแดงซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปและเป็นประตูสู่พื้นที่คุ้มครองยุงเฟรา-อาเล็ทช์ (Jungfrau-Aletsch) ชื่อของมหาธารน้ำแข็งอาเล็ทช์ ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ในรัฐวาเลของสวิตเซอร์แลนด์ ธารน้ำแข็งนี้มีความยาวราว 23 กิโลเมตรสามารถมองเห็นได้จากยุงเฟรายอคไกลสุดสายตา

 

ธารน้ำแข็งอาเล็ทช์ ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์ มองจากระเบียงชมวิวสฟิงซ์บนสันเขายุงเฟรายอค

 

ตำนาน 112 ปี ของการรถไฟยุงเฟรา

ในอดีตการจะขึ้นไปยุงเฟรายอค (Jungfraujoch) ช่องสันเขารูปอานม้าที่มีชื่อเสียงความสูง 3,466 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลแห่งนี้ต้องเดินเท่านั้น สัณฐานรูปอานม้า หรือยอค (Joch) เห็นได้ชัดเพราะตั้งอยู่ระหว่างยอดเขาเมิ๊นช์ (สูง 4,107 เมตร) และยอดยุงเฟรา (สูง 4,158 เมตร) ของเทือกเขาแอลป์ที่ทอดยาวไกล มีหินผารูปร่างคล้ายสฟิงซ์ยื่นออกมา ณ ใจกลางลานบนสันเขา เป็นที่มาของการตั้งชื่อ "ระเบียงชมวิวสฟิงซ์" (Sphinx Terrace) อันโด่งดังอลังการที่ความสูง 3,571 เมตร (และยังเป็นที่ตั้งของหอดูดาวสฟิงซ์ - Sphinx Observatorium หอดูดาวที่สูงที่สุดในยุโรปด้วย) จุดที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์ได้แบบ 360 องศา ลองมายืนตรงนี้จะรู้สึกว่า มงลงมากมายจนไม่อยากกลับลงมาสู่โลกเบื้องล่าง...

 

การเดินทางสู่ยุงเฟรายอค ด้วยเส้นทางรถไฟเว็งเงินนาล์ป (WAB) สู่ไคลเน่ ไชเดกก์ และด้วยกระเช้าไอเกอร์ เอ็กซเพรสสสู่สถานีไอเกอร์เกล็ทเชอร์

 

จุดเริ่มต้นของการรถไฟยุงเฟรามาจาก อดอล์ฟ กุยเยอร์-เซลเลอร์ “ราชาแห่งรถไฟ” นักพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมชาวสวิส ที่เกิดความคิดสร้างทางรถไฟด้วยการระเบิดอุโมงค์ทะลุภูเขาหินไอเกอร์และเมิ๊นซ์ได้ขณะเดินไฮกิ้ง แผนการก่อสร้างจึงเริ่มขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากคนท้องถิ่นที่เล็งเห็นว่าทางรถไฟจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว

 

การก่อสร้างจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ.1896 ด้วยแรงงานชาวอิตาเลียนกว่า 100 คน ก่อนที่จะสร้างต่อมาเรื่อยๆ ทีละสถานี จนสามารถเจาะอุโมงค์ทะลุถึงสถานีสุดท้ายบนยุงเฟรายอค กลายเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดของยุโรปที่ความสูง 3,454 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเปิดให้บริการในวันที่ 1 สิงหาคม 1912 ใช้เวลาก่อสร้างนาน 16 ปี ด้วยงบประมาณการก่อสร้าง 16 ล้านฟรังค์สวิส (สูงเป็นสองเท่าจากที่ประมาณการไว้แต่แรก)

 

ขบวนรถไฟยุงเฟราสายสีแดงสู่ยุงเฟรายอค

 

“พอกลายเป็นจุดท่องเที่ยว หลังจากนั้นจึงทำการขออนุญาตซื้อ ซื้อที่หรือสิทธิในการสร้างทางรถไฟด้วยการเจาะอุโมงค์หินขึ้นไป ด้วยการกู้เงินจากรัฐบาลและระดมทุน ใช้เวลา 16 ปีในการสร้าง ใช้แรงงานชาวอิตาลี มีการสร้างโบสถ์และโรงเรียนสำหรับครอบครัวแรงงาน หากใครขึ้นไปจะเห็นภาพการก่อสร้างด้วยการระเบิดหินเจาะอุโมงค์ในอดีต (ภายในส่วนของอุโมงค์โลกอัลไพน์ (Alpine Sensation)) มีการจารึกชื่อและอายุของแรงงานที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไว้บนผนังหินด้วย

 

รายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้เป็นสิ่งบ่งบอกว่า ร้อยกว่าปีที่แล้ว ชาวสวิสเริ่มแล้ว ทำแล้ว เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เป็นกระแสใหญ่ แต่มันอยู่ในสายเลือดว่า เราต้องดูแล ครอบครัวต้องมาก่อน และครอบครัวคือความสุข…”

 

คุณเพ็ญเล่าถึงที่มาของการรถไฟยุงเฟราจากอดีตถึงปัจจุบัน

 

สถานีวิลเดอร์สวิล สู่ ชนีเก้ ปลาตเต้ Top of Swiss Tradition มีน้องวัวลิลลี่เป็นมาสคอต

 

สัญลักษณ์ของรถไฟสายต่างๆ
รถไฟสายต่างๆ ที่เราเห็นหลากสี เขียวเหลืองแดง นั้นหมายถึงว่าเป็นขบวนคนละบริษัท ตั้งแต่ในอดีตจะแยกกันด้วยสี จะได้รู้ว่าเป็นของใคร ส่วนสัญลักษณ์ที่เราเห็นเป็นรูปกวาง หมี หรือดอกไม้ต่างๆ นั้นเป็นกิมมิกที่แสดงให้เห็นอัตลักษณ์ในพื้นถิ่นนั้น และยังเข้ากับคอนเส็ปต์ในการขายได้อีก เช่น ชนีเก้ปลาตเต้เป็นภูเขาสำหรับเดินเขา นอกจากจะเป็น Top of Swiss Tradition ของยุงเฟราแล้ว ด้วยแนวคิดคือดอกไม้อัลไพน์ จึงนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของรถไฟสายนี้ มีเอกลักษณ์คือความวินเทจ ด้วยตัวขบวนที่ยังรักษารูปลักษณ์ภายนอกแบบโบราณเมื่อร้อยกว่าปีก่อนไว้ แต่มีการดูแลรักษาปรับปรุงเครื่องยนต์กลไกของตัวรถตลอดเวลา ด้วยอุปนิสัยที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นที่ตั้งของชาวสวิส ทุก 10 ปีจะทำการรื้อชิ้นส่วนเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ของรถจักรออกมาปัดฝุ่นทำความสะอาดใหม่ทั้งหมดทุกชิ้น ก่อนประกอบเข้ากันใหม่อีกครั้ง

 

รถไฟขบวนนี้มีที่นั่งทำด้วยไม้ เป็นรถไฟแบบเปิดโล่งที่ทำให้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ได้ในแบบสโลว์โมชั่นด้วยความเร็วที่จะทำให้คุณรู้ว่า รถไฟที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวบนวิถีของความยั่งยืน กับรถไฟในวิถีปกตินั้นช่างแตกต่างกันราวกับสวนสวรรค์อีเดนกับสวนสนุก

 

เล่าความยั่งยืน 200 ปี สวิสผู้มาก่อนกาล กับผู้บริหารไทยสายเลือด"ยุงเฟรา"

สัญลักษณ์ประจำขบวนรถไฟ รายละเอียดของชาวสวิส

เล่าความยั่งยืน 200 ปี สวิสผู้มาก่อนกาล กับผู้บริหารไทยสายเลือด"ยุงเฟรา"

 

มุมมองของคนสวิสต่อคนเอเชีย หรือนักท่องเที่ยว

สวิสต้อนรับนักท่องเที่ยวมาเกือบ 200 ปี รับนักท่องเที่ยวมาแล้วทุกชาติทุกภาษาในโลกนี้ คนเอเชียทั้งหมด ไม่เฉพาะอาเซียนก็เป็นนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งที่มาเที่ยวสวิสกันมานานแล้ว ซึ่งทางสวิสเองก็พร้อมที่จะให้บริการ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร อย่างที่ยุงเฟรายอคก็มีห้องอาหารอินเดีย หรือร้านอาหารในจุดอื่นๆ ก็มีซุปก๋วยเตี๋ยวให้บริการ

 

คนสวิสไม่มีปัญหากับนักท่องเที่ยว แม้แต่เรื่องภาษาที่คนสวิสพูดฝรั่งเศสหรือเยอรมันก็จริง แต่เกือบทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้เป็นภาษาที่ 2 แต่ที่สวิสกฏหมายต่างๆ จะเข้มงวดและแอพพลายกับทุกคน ไม่เว้นกระทั่งนักท่องเที่ยว กฏก็คือกฏ อ้างไม่รู้ไม่ได้ ไม่มีอนุโลมพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว

 

The Rise of Asian ส่งผลถึงการท่องเที่ยวสวิสอย่างชัดเจนที่สุดในด้านใด

จำนวนนักท่องเที่ยวจากอาเซียนเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทุกภูมิภาคของสวิส ใช้เวลาในสวิสนานขึ้น รวมทั้งท่องเที่ยวสวิสแบบ mono destination แตกต่างจากสมัยก่อนที่อาจแวะผ่านแค่คืนเดียว ทำให้ทางสวิสให้ความสำคัญกับตลาดนี้มากขึ้น ทั้งการมาทำตลาดที่ประเทศอาเซียน และการมีโปรแกรมพิเศษต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวอาเซียนในสวิส

 

การเดินทางสู่ยุงเฟรายอคจากอินเทอร์ลาเคินผ่านเลาเทอร์บรุนเนน เว็งเงน และไคลเน่ไชเดกก์ อีกเส้นทางคือจากกรินเดิลวาลด์

ยุงเฟรายอคตั้งอยู่ระหว่างยอดเขาเมิ๊นช์และยอดยุงเฟราที่ความสูง 3,466 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

 

ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรยุงเฟราในสวิตเซอร์แลนด์

ยุงเฟราบาห์เนน ดูแลรถไฟและกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาที่สำคัญในภูมิภาคยุงเฟรา รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวจุดหมายปลายทางนั้นๆ ด้วย  ที่สำคัญได้แก่

1.ยุงเฟรายอคและคอมเพล็กซ์ทั้งหมดบนยุงเฟรายอค – Jungfraujoch  Top of Europe รวมกระเช้าไอเกอร์เอ็กซ์เพรส ระหว่างสถานีกรินเดิลวาลด์เทอร์มินัล กับ สถานีไอเกอร์เกล็ทเชอร์  / รถไฟยุงเฟรา ระหว่างสถานีไคลเน่ ไชเดกก์ กับ สถานียุงเฟรายอค

2.กรินเดิลวาลด์ เฟียสต์ และเครื่องเล่นต่างๆ บนยอดเขา – Grindelwald First Top of Adventure รวมกระเช้าลอยฟ้าระหว่างสถานีหมู่บ้านกรินเดิลวาลด์กับสถานีเฟียสต์

3.ฮาร์เดอร์ คูลม์ – Harder Kulm Top of Interlaken รถไฟล้อเฟืองขึ้น-ลงเขา

4.ชนีเก้ ปลาตเต้ – Schynige Platte Top of Swiss Tradition รวมรถไฟโบราณระหว่างวิลเดอร์สวิลกับชนีเก้ ปลาตเต้

 

รถไฟยุงเฟราสายสีแดงเข้าเทียบชานชลาสถานียุงเฟรายอค สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป มากมายไปด้วยนักท่องเที่ยวชาติต่างๆ

 

อะไรทำให้ยุงเฟราแข็งแกร่งและยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน

ในแง่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว สิ่งที่ยุงเฟรายอคมีเพียงผู้เดียวในสวิส คือยอดเขาที่มีหิมะ การันตี 365 วันต่อปีโดยไม่มีวันหยุดทำการ นักท่องเที่ยวมาได้ทุกวันไม่ว่าจะเทศกาลไหน

ยุงเฟราบาห์นไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ สร้างกระเช้าไอเกอร์ เอ็กซเพรสเพื่อย่นเวลาการเดินทางขึ้นหรือลงเขา ไปได้ถึง 47 นาที

 

มุมมองจากกระเช้าไอเกอร์ เอ็กซเพรส  VIP 8 ที่นั่ง สู่สถานีไอเกอร์เกล็ทเชอร์ (Eigergletscher) ความสูง 2,320 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

ไอเกอร์ เอ็กซเพรส  กระเช้าที่ใช้สลิง 3 เส้น ระยะทาง 6.48 กิโลเมตร จากกรินเดิลวาลด์เทอร์มินัล  ด้วยวิศวกรรมการก่อสร้างที่ทันสมัยที่สุดของยุโรป

ทิวทัศน์ของกรินเดิลวาลด์จากกระเช้าไอเกอร์ เอ็กซเพรส

 

นอกจากนั้นยังปรับปรุงและเพิ่มเติมจุดน่าสนใจต่างๆ อยู่เสมอ  หากใครเคยมาเที่ยวเมื่อ 10 ปีที่แล้ว  ปีนี้มาอีกครั้งก็จะพบสิ่งใหม่ๆ อย่างในไอซ์พาเลซ รูปสลักน้ำแข็งก็เปลี่ยนไป มีไฮไลต์ใหม่ๆ ให้ชม มีอัลไพน์ เซนเซชั่น หรืออย่างที่กรินเดิลวาลด์ เฟียสต์ เราก็มีเครื่องเล่นใหม่หรือจุดถ่ายรูปใหม่ๆ เพิ่มเติมตลอด อย่างพอยต์ออฟวิว จุดถ่ายรูปที่เปิดใหม่ในปีนี้

 

บรรยากาศสถานีวิลเดอร์สวิล

 

20 ปีในยุงเฟรา อะไรคือ “วิสัยทัศน์” ของคุณ

การก้าวเดินไปด้วยกันและการต้องก้าวตามทางสวิสให้ทันคือสิ่งที่ต้องทำ เพราะมีเรื่องให้ท้าทายทุกๆ ปี มีโปรเจ็คใหม่ๆ ให้ looking forward to  เราไม่ได้ขายของตายขายเหมือนเดิมอยู่นิ่งๆ 30 ปีที่แล้วเป็นยังไง ปีนี้ก็ยังเหมือนเดิมขายของเดิมๆ ที่ยุงเฟราไม่ใช่อย่างนั้น เราเคยขายรถไฟขึ้นเขา แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีการสร้างกระเช้าไอเกอร์เอ็กซเพรสขึ้นเพื่อย่นเวลาการเดินทาง เราก็ต้องปรับแนวคิด ปรับแนวทางการโปรโมทไป เป็น 20 ปีที่ไม่น่าเบื่อ

 

เล่าความยั่งยืน 200 ปี สวิสผู้มาก่อนกาล กับผู้บริหารไทยสายเลือด"ยุงเฟรา"

เล่าความยั่งยืน 200 ปี สวิสผู้มาก่อนกาล กับผู้บริหารไทยสายเลือด"ยุงเฟรา"

อากาศหนาวยะเยือกระดับ -5 องศาในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ยุงเฟรายอค

 

โปรโมชั่นไม่น่าเบื่อกับ Switzerland Promotion @KTC WORLD

แน่นอนว่างานนี้ยุงเฟราร่วมกับสายการบิน Turkish Airline และ KTC World จัดเต็มให้นักท่องเที่ยวไทยแบบเที่ยวได้เต็มอิ่ม คุ้มค่า คุ้มเวลาทุกนาที

 

1.โปรโมชั่น ตั๋วเครื่องบิน เส้นทาง กรุงเทพ-ซูริค ไป-กลับ สายการบิน Turkish Airlines

ชั้นประหยัด เริ่มต้น  39,040 บาท

จอง 1 พ.ย.67 – 30 มี.ค.68

เดินทาง 2 พ.ย.67 -  31 มี.ค.68

 

2.บัตรโดยสารขนส่งสาธารณะในสวิตเซอร์แลนด์ Swiss Travel Pass

2.1 แพ็กเกจเดินทางแบบใช้ต่อเนื่อง

      ที่นั่งชั้น 2 ราคาเริ่มต้น 9,720 บาท/ท่าน

      ที่นั่งชั้น 1 ราคาเริ่มต้น 15,490 บาท/ท่าน

2.1 แพ็กเกจเดินทางแบบยืดหยุ่น

      ที่นั่งชั้น 2 ราคาเริ่มต้น 11,110 บาท/ท่าน

      ที่นั่งชั้น 1 ราคาเริ่มต้น 17,720 บาท/ท่าน

จอง 1 พ.ย.67 – 30 มี.ค.68

เดินทาง 2 พ.ย.67 -  31 มี.ค.68

 

3.โปรโมชั่นยอดเขายุงเฟรา (Jungfraujoch) จุดสูงสุดของยุโรป | สวิตเซอร์แลนด์

3.1 ตั๋วไป-กลับ สถานีอินเตอร์ลาเคน ออสต์ - ยุงเฟรายอค

-จากสถานีอินเตอร์ลาเคน ออสต์ ผ่านขบวนรถไฟ Bernese Oberland Railway กระเช้า Eiger Express และรถไฟ Jungfrau Railway สู่จุดสูงสุดของยุโรป  เริ่มต้น 6,350 บาท/ท่าน

3.2 ตั๋วไป-กลับ | สถานีกรินเดลวัลด์ – ยุงเฟรา

-เดินทางถึงสถานีกรินเดลวัลด์ ด้วยกระเช้า Eiger Express และนั่งรถไฟยุงเฟราไปยังจุดสูงสุดของยุโรป

เริ่มต้น 6,390 บาท/ท่าน

3.3 ตั๋วไป-กลับ | เลาเทอร์บรุนเนน - ยุงเฟรายอค

-ผ่านเลาเทอร์บรุนเนนโดยรถไฟ Wengernalp และรถไฟยุงเฟราไปยังจุดสูงสุดของยุโรป

เริ่มต้น 6,350 บาท/ท่าน

จอง 1 พ.ย.67 – 13 ธ.ค.67

เดินทาง 2 พ.ย.67 -  14 ธ.ค.67

(ต้น ธ.ค. ราคาใหม่ถึงจะออกมา ตอนนี้วันดินทางจึงสิ้นสุดแค่นี้)

 

4.ห้องพักที่โรงแรมซันสตาร์ กรินเดลวาลด์ สำหรับ 2 ท่าน พร้อมอาหารเช้า เริ่มต้น คืนละ 11,600 บาท

จอง 1 พ.ย.67 – 30 มี.ค.68

เดินทาง 2 พ.ย.67 -  31 มี.ค.68

 

สอบถามและปรึกษาเพิ่มเติมที่  https://ktc.cards/KWT-addline-FB

 

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ