posttoday

แสนสิริ ผนึก AWS ใช้ GenAI ลดต้นทุน 30 บาท/ปี พลิกโฉมอสังหาฯ รายแรกของไทย

09 ธันวาคม 2568

แสนสิริร่วมมือ AWS นำร่องใช้ GenAI รายแรกในอสังหาฯ ไทย ดันบริการไวขึ้น 30% ความพึงพอใจพุ่ง 25% พร้อมปรับองค์กรสู่ยุค AI เต็มรูปแบบ

KEY

POINTS

  • แสนสิริร่วมมือกับ AWS เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่นำเทคโนโลยี Generative AI มาใช้ในระดับองค์กร เพื่อปฏิวัติรูปแบบการทำงานและบริการ
  • การใช้ AI ช่วยลดต้นทุนจากการจ้าง Outsource ได้กว่า 30 ล้านบาทต่อปี พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร เช่น ลดข้อผิดพลาดด้านเอกสาร และลดภาระงานของพนักงาน
  • ได้พัฒนาผู้ช่วยอัจฉริยะ "ChatX Assistant" ซึ่งช่วยให้ตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น 30% และเพิ่มคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าได้ถึง 25%

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกภาคธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ด้วยการประกาศความร่วมมือกับ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) นำเทคโนโลยี Generative AI มาประยุกต์ใช้เป็นรายแรกในระดับองค์กรขนาดใหญ่ 
 

กวิน มโนมัยอุดม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการนำเครื่องมือใหม่มาใช้ แต่เป็นการ "ปฏิวัติ" รูปแบบการทำงานและการให้บริการที่ส่งผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยสามารถตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วขึ้นถึง 30% และเพิ่มคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าได้ถึง 25%

วิสัยทัศน์ผู้นำ: มากกว่าแค่การใช้ แต่คือการปรับเปลี่ยนองค์กร

กวิน มโนมัยอุดม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้สะท้อนมุมมองที่น่าสนใจว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การพยายามนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กร แต่คือการ "ปรับองค์กรเข้าหา AI" เพราะ AI คืออนาคตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยมีเสาหลักสำคัญในการเปลี่ยนแปลงคือ การพัฒนา "คน" และ "กระบวนการ" (People & Process)

กวินกล่าวเสริมว่า "AWS ช่วยให้เราสามารถสร้างนิยามใหม่ในการซื้อและเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในประเทศไทย... ขณะเดียวกัน ยังมอบเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพให้แก่พนักงานของเราในการร่วมสร้างอนาคตของสังคมไทย" โดยแสนสิริได้จัดตั้งศูนย์เชี่ยวชาญด้าน AI (COE AI) เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างเป็นระบบ
แสนสิริ ผนึก AWS ใช้ GenAI ลดต้นทุน 30 บาท/ปี พลิกโฉมอสังหาฯ รายแรกของไทย

นวัตกรรม ChatX Assistant: ผู้ช่วยอัจฉริยะเพื่อพนักงานและลูกค้า

หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่แสนสิริพัฒนาขึ้นบน Amazon Bedrock คือ "ChatX Assistant" ซึ่งใช้โมเดล Claude 3.5 Haiku และ Claude 4 Sonnet ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยดิจิทัลที่ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ 

นวัตกรรมนี้เข้ามาแก้ปัญหาความซับซ้อนของข้อมูลที่มีกระจายอยู่ในกว่า 500 โครงการ ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในเรื่องต่างๆ เช่น ข้อมูลการเงิน ผังเมือง หรือความคืบหน้าการก่อสร้าง

สำหรับพนักงาน ChatX เข้ามาช่วยลดปัญหาภาระงานและอัตราการลาออกของพนักงานฝ่ายบริการหลังการขาย (After-Sales) ได้ประมาณ 20% เนื่องจากช่วยให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้ทันที นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการจ้าง Outsource ได้กว่า 30 ล้านบาทต่อปี และสร้างความพึงพอใจให้กับแผนกบัญชีที่ใช้งานได้ถึง 100%

เพิ่มประสิทธิภาพหลังบ้านด้วย AI และแผนงานในอนาคต

นอกเหนือจากงานหน้าบ้าน แสนสิริยังใช้ AI จัดการงานเอกสารผ่านระบบจดจำและประมวลผลเอกสาร (OCR) บน AWS เพื่อจัดการใบแจ้งหนี้ (Invoice) ที่มีมากกว่า 50,000 ฉบับต่อเดือน ผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถลดความผิดพลาดจากคน (Human error) ได้ถึง 99% และลดเวลาประมวลผลลงครึ่งหนึ่ง, รวมถึงการใช้ Amazon Q Developer เข้ามาช่วยทีม IT ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพขึ้น 30%

ในระยะยาว กวินวางแผนที่จะขยายผลการใช้ ChatX ไปยังฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ฝ่ายขาย และการตลาด ภายในปี 2026 พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายลดการพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก (Vendor) และลดขนาดทีม IT ลงเพื่อให้องค์กรกระชับและเน้นการทำงานร่วมกับ AI มากขึ้น, นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดสร้าง "โรงเรียน" ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อผลิตบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีทักษะพร้อมทำงานร่วมกับ AI ได้ทันที ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรเพื่อรองรับอนาคตอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและ AWS ในครั้งนี้ จึงเป็นบทพิสูจน์ว่าการนำ AI มาใช้อย่างมียุทธศาสตร์ ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ แต่ยังเป็นการยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัยและการทำงานให้ดียิ่งขึ้นอย่างแท้จริง

ข่าวล่าสุด

45 ปี จอห์น เลนนอน : บทเพลงและจิตวิญญาณที่ไม่มีวันจางหาย