posttoday

ผู้ถือหุ้นไฟเขียวซื้อที่ดินทำเลทอง เตรียมผุดคอนโดมิเนียมหรู

20 เมษายน 2566

ที่ประชุมผู้ถือหุ้น “เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น” มีมติอนุมัติให้ บริษัท เอสซี แอสเสท โฟร์ จำกัด ซื้อที่ดินบริเวณ ถนนลาดหญ้า จำนวน 22 แปลง อันเป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด พร้อมเตรียมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรู มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,700 ล้านบาท

ความคืบหน้าของอภิมหาบิ๊กดีลยิ่งใหญ่แห่งปีของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ระหว่าง ตระกูลชินวัตร กับ SC หรือบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ซึ่งจะมีการถ่ายโอน ซื้อ - ขาย ที่ดิน ย่านลาดหญ้า คลองสาน เป็นเงินถึง 1,200 ล้านบาท 

ซึ่ง บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SC รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าผลการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 (ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์) โดยผลการประชุมได้มีการอนุมัติให้ บริษัท เอสซีแอสเสท โฟร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทซื้อที่ดินบริเวณ ถนนลาดหญ้า เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร โดยบริษัทมีความประสงค์ซื้อที่ดินบริเวณ ถนนลาดหญ้า จำนวน 22 แปลง อันเป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด 

ทั้งนี้มติที่ประชุม เห็นด้วย 642,541,072 เสียง คิดเป็นร้อยละ 99.9954 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

ไม่เห็นด้วย 0 เสียง คิดเป็นร้อยละ 0.0000 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

งดออกเสียง 29,500 เสียง คิดเป็นร้อยละ 0.0046 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

สำหรับ รายละเอียดของที่ดิน ตั้งอยู่ที่แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร จำนวน 4-3-36.3 ไร่ (1,936.3 ตารางวา) ซึ่งสามารถพัฒนาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารพักอาศัยรวมได้ 

ทั้งนี้บริษัทมีแผนพัฒนาที่ดินเป็นโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการรวม 4,719.12 ล้านบาท จำนวน 1,113 ห้องพื้นที่ขาย 33,322 ตารางเมตร ราคาขายเฉลี่ย เฟส 1 เฉลี่ยประมาณ 135,872 บาทต่อตารางเมตร เฟส 2 เฉลี่ยประมาร 147,369 บาทต่อตารางเมตร 

เนื่องจากที่ดินที่จะใช้พัฒนาโครงการ เป็นของ บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งบริษัท เอสซี แอสเสท โฟร์ จำกัดเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) การซื้อที่ดินข้างต้น จึงถือเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน จำเป็นต้องพิจารณาขนาดรายการที่เกี่ยวโยงกัน 

นอกจากนี้บริษัทได้แต่งตั้ง บริษัท เพลินจิต แคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้ความเห็นต่อการเข้าทำรายการ เกี่ยวกับความสมเหตุสมผลของรายการ ความเป็นธรรมของราคา เงื่อนไขของรายการ และความเสี่ยงของการเข้าทำ รายการ 

ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระให้ความเห็นว่า ราคาที่ดินเป็นราคาที่เหมาะสม เงื่อนไขมีความเป็นธรรม การพัฒนาโครงการมีความสมเหตุสมผล และก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทฯ 

สำหรับ SC FOUR มีฐานะเป็นบริษัทย่อย ของบริษัท SC ซึ่ง “ครอบครัวชินวัตร” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 60.29% ประกอบด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 28.81% , น.ส.พินทองทา ชินวัตร 27.89% , คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ 2.78% , นายพานทองแท้ ชินวัตร 0.33%) ในบริษัทเอสซี แอสเสทฯ และเป็นผู้มีอำนาจควบคุมกิจการ

ขณะเดียวกัน “ครอบครัวชินวัตร” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน RENDE ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 100% ของบริษัทประกอบกับ นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการของ SC และดำรงตำแหน่งกรรมการของ SC FOUR 

และเป็นสามีของ นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซึ่งถือหุ้นใหญ่ของบริษัท SC จำนวน 1,176,915,495 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 27.89%  และถือหุ้นใน RENDE จำนวน 138,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 

สำหรับแผนธุรกิจ ของ SC  ปี 2566 นั้น พบว่ามีการตั้งเป้าโตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 30,000 ล้านบาท เติบโต 23% โดยแบ่งเป็น โครงการเพื่อขายแนวราบ 65% และโครงการเพื่อขายแนวสูง 35% และสร้างรายได้รวม 25,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังวางงบประมาณในการลงทุนไว้ก้อนใหญ่ราว 25,000 ล้านบาท 

โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุน 80% ในการพัฒนาโครงการเพื่อขาย รวมถึงการซื้อที่ดิน และ 20% ในธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ โดยตั้งเป้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ปีนี้รวม 25 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ  22 โครงการ รวมมูลค่า 30,000 ล้านบาท ครอบคลุมทุกระดับราคา 2.5-มากกว่า 150 ล้านบาท