posttoday

Frasers Property Home ลุยทุกเซกเม้นท์จ่อเปิด 11 โครงการ มูลค่า 17,500 ล้านบาท

18 มกราคม 2566

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) เปิดเกมธุรกิจปี 66 ปูพรมขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกเซกเมนต์ จ่อเปิด 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,500 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายรอรับรู้รายได้ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%

นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประเมินถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยแปี 2566 ว่า มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงสนับสนุนจากมาตรการเศรษฐกิจของภาครัฐ การลงทุนเพิ่มขึ้นของภาคเอกชน การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น นโยบายการเปิดประเทศที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาและคาดว่าจะมีจำนวนสูงกว่า 20 ล้านคน ซึ่งภาคการท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญผลักดันเศรษฐกิจไทยขยายตัวที่ 3% - 3.5% 

 

ประกอบกับการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ โดยเฉพาะในหัวเมืองหลักเพื่อรองรับการกลับมาของการท่องเที่ยว พร้อมทั้งนักลงทุนต่างชาติที่ทยอยกลับเข้ามา ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยบริษัทภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 นี้ มองว่าจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องเนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยมีเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในส่วนของการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยของโครงการคอนโดมิเนียมจะเติบโต 27% เทียบกับปี 2565 ที่มีอัตราการเติบโต 26% ส่วนแนวราบคาดว่าจะขยายตัวที่ 73% 

 

ในส่วนของราคาที่ดิน ก่อนและหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ช่วงปี 2564-2565 มีการปรับตัวเพิ่ม 75% โดยมีปัจจัยจากโครงสร้างพื้นฐานที่มีการเชื่อมต่อสู่จังหวัดตะวันตก รวมถีงความเป็นเมืองขยายจากรถไฟฟ้า การเกิดขึ้นใหม่ของทางด่วน การแข่งขันสูงโครงการเกิดใหม่เยอะ เช่น ทำเลรัตนาธิเบศร์-ชัยพฤกษ์ เติบโต 64.4% ปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์ 65.5% วัชรพล-สายไหม 44.2% เกษตร-รามอินทรา 60.4% สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 63.2% พระราม 2-บางบอน 97.9% รามคำแหง-อ่อนนุช 138.3% เทพารักษ์-บางพลี 38.8% และ บางนา-วงแหวน 98.4%

 

“เศรษฐกิจดี อสังหาฯดี การท่องเที่ยวเป็นพระเอกในปีนี้ ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้เกิดงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนการเมืองยังต้องจับตามอง ซึ่งการเลือกตั้งในปีนี้ เกิดความชัดเจน ทางเศรษฐกิจมากขึ้นกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก มีการใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ซึ่งคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่ต้องติดตามสถานการณ์ ส่วนภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนโดยในเดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมา ลดลง 4.4% ทางด้านหนี้สินครัวเรือนอยู่ในระดับสูงที่ 90% และดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มสูง ที่ 1.25% ทั้งนี้คาดว่าในปี 2566 นี้จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 1.75% ”นายแสนผิน กล่าว 

 

ส่วนการดำเนินแผนธุรกิจในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรอรับรู้รายได้ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2565 โดยแผนปีนี้ บริษัทจะขยายบ้านเดี่ยว เพิ่มพอร์ตคอนโดมิเนียม ซึ่งจะเป็นการเติบโต 2 ทาง แบบ ออร์แกนิค เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 2-3 โครงการ ทำเลเมือง ใกล้รถไฟฟ้า ระดับราคา 3-5 ล้านบาท เช่น ลาดพร้าว รัชดา รามอินทรา แยกไฟฉาย และ แบบ Inorganic ทั้งนี้บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ ทาวน์โฮม 2 โครงการ บ้านแฝด 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ 

 

นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ระดับ Super Luxury Residence มูลค่าโครงการประมาณ 60-120 ล้านบาท แบรนด์ใหม่ The Royal Residence ระดับราคา 50-120 ล้านบาท และ แบรดน์ระดับลักชัวร์รี่ ระดับราคา 20-50 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ Alpina และ แบรดน์ The Grand อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทมีแผนซื้อที่ดินด้วยงบประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้บริษัทได้เดินหน้าทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ตามแผน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจครั้งสำคัญให้ก้าวเข้าสู่ความแข็งแกร่งในทุกด้าน ภายใต้วิสัยทัศน์ คิดใหม่ ทำใหม่ (ให้) ใหม่เสมอ เพื่อสร้างผลตอบแทนบนรายได้ที่เติบโตสม่ำเสมอ ผ่าน 2 กุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ เสริมแกร่งบนน่านน้ำเดิม พัฒนาโครงการตรงต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยสินค้าที่มีคุณภาพและมีนวัตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน และเติบโตบนสมรภูมิใหม่ กับการสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสามารถรักษาระดับอัตราการเติบโตของธุรกิจ 

 

สำหรับในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจ โดย 1.พัฒนาที่ดิน การเปิดตัวโครงการด้วยที่ดินเดิม ได้เปรียบเรื่องต้นทุน 2. ขยายตลาดบ้านเดี่ยว กลุ่มลูกค้า บ้านเดี่ยว 3.กลยุทธ์ราคาและปรับพอร์ตที่ทำราคาได้ ใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดเป็นผลให้ กำไรเพิ่ม ลดค่าใช้จ่ายและการตลาด 10% และ 30% สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 11,392 เติบโต 2% แบ่งเป็น รายได้จากบ้านเดี่ยว 4,519 ล้านบาท เติบโต 66% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้จากบ้านเดี่ยว 2,730 และ กำไร 1470 ล้านบาท เติบโต 63%
 

ข่าวล่าสุด

ไฟดับซานฟรานซิสโก ทำ Robotaxi ของ Waymo จอดแน่นิ่งทั้งเมือง