เจนิสตาร์ รักษ์สิริโสภา กับบ้านที่ให้ทั้งสุขและให้บทเรียน
อากาศร้อนระอุอย่างนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้มาหาความชุ่มฉ่ำทางใจ
โดย...ตุลย์ จตุรภัทรเตย เพ็ญศรี ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
อากาศร้อนระอุอย่างนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้มาหาความชุ่มฉ่ำทางใจ ด้วยการแวะไปเยี่ยมเยือนบ้านของผู้จัดรายการทอฟ้าผ้าไทย (ซีซั่นที่ 3 กำลังจะเริ่มต้นขึ้น) เธอคือ เจเจนิสตาร์ รักษ์สิริโสภา ผู้หญิงร่างเล็ก แต่นิยมแต่งกายด้วยชุดที่ตัดเย็บด้วยผ้าไทย วันนี้เธอแต่งกายด้วยผ้าไทยที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ลุคของเธอดูทะมัดทะแมง แต่สวยเก๋และเลอค่าที่สุด
เธอออกมาต้อนรับเราอย่างเป็นกันเองมากๆ ครับ
“ปกติเจเป็นคนชอบอยู่คอนโด ชอบอยู่ห้องเล็กๆ ห้องเดิมที่เคยอยู่ก็พอจะมีพื้นที่ให้น้องหมาของเจได้วิ่งเล่น พอเขาประสบอุบัติเหตุก็เลยต้องคิดหาที่อยู่ใหม่ ตอนนั้นพาเขาไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่เขาใหญ่ ตกตึก 4 ชั้น พอดีว่าตอนตกลงมาเขาหันหลังลง พาไปหาหมอก็ได้รับคำตอบว่าเขาอาจจะกลับมาเดินได้ แต่ต้องมีพื้นที่ให้เขาได้เดินได้วิ่งอย่างสบายๆ เจเลยวิ่งหาบ้านเป็นการใหญ่ แล้วก็มาเจอบ้านหลังนี้ ซึ่งก็ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเจที่ต้องอยู่ในเมือง ต้องทำงานในเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่”
เจนิสตาร์ เผยว่า ตอนแรกที่เธอตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ มันยังเป็นบ้านที่มีแค่โครงธรรมดา เธอต้องมาตกแต่งเองใหม่หมด “ความคิดตอนนั้นคือบ้านมันหลังเล็ก ต้องหาวิธีทำไงก็ได้ให้บ้านมันดูใหญ่ ไม่อึดอัด เป็นปูนก็จะตันหมด ก็เลยเอาเป็นกระจกค่ะ พื้นที่ 60 ตารางวาก็ทำมันให้เป็นกระจกเสียส่วนใหญ่ และด้วยความที่เจชอบกลิ่นหอมๆ ของไม้ จึงเลือกตกแต่งภายในให้มีไม้เข้ามาเกี่ยวข้อง เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้บ้าง ทำให้ดูว่าบ้านหลังเล็กๆ แต่อบอุ่นนะ”
ในส่วนของสวนหน้าบ้าน เจนิสตาร์ เผยว่า เธอลงมือทำเอง “ประเด็นหลักยังคงเหมือนเดิม คือทำยังไงก็ได้ให้น้องหมาของเรามีพื้นที่ไว้อึ ฉี่ วิ่งเล่น เพราะว่าน้องหมาขาไม่ดี เวลาปล่อยให้เดินให้วิ่งตรงบริเวณสวน เขาจะได้รู้สึกมีความสุข”
สำหรับความหมายของคำว่าบ้าน เจนิสตาร์ เผยว่า บ้านต้องเป็นอะไรที่อบอุ่น ไร้พิษภัย “เจอยู่กับแฟน อยู่กับน้องหมา เวลามีความสุขกับน้องหมา ทำให้เจอยู่กับบ้านได้นานขึ้น อยู่กับหมา เล่นกับหมา จนไม่อยากออกไปไหน อยู่บ้านแล้วทำให้เรามีความสุข”
หลังจากเราเดินสำรวจบ้านหลังนี้ สิ่งที่ค้นพบ คือ เธอมีห้องที่เก็บข้าวของเครื่องแต่งกายได้เป็นอย่างดี มีห้องเก็บรองเท้า มีห้องเก็บกระเป๋า ที่เจ้าตัวเผยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่บ้าแบรนด์เนมคนหนึ่งเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะเธอได้รับบทเรียนจากการถูกโจรขึ้นบ้านขโมยของของแบรนด์เนมสุดรักของเธอไป “ในหมู่บ้านนี้มีทั้งหมด 5 หลังที่โดน ซึ่งทุกคนคิดเหมือนกันว่าหมู่บ้านเราดี ราคาแพง ไว้ใจได้ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ สัญญาณกันขโมยบ้านเจก็ติด เพื่อนบ้านทุกคนก็ติด แต่ทุกคนก็คิดเหมือนกันอีกว่า ไม่จำเป็นต้องเปิด พวกเราทุกคนประมาท เชื่อมั่นในราคาที่เสียไป ปรากฏว่าโจรที่เข้ามา เขาทำได้โดยง่าย แงะเข้ามาง่ายๆ แบบบ้านของเจดีไซน์มาเพื่อให้สวย แต่ลืมนึกถึงความปลอดภัย โจรที่เข้ามาก็ไม่ใช่โจรกระจอกทั่วไป เขารู้ว่าอะไรแพง อะไรที่คุ้มค่าสมราคา โทรทัศน์จอแบนราคาหมื่นกว่าๆ เทียบไม่ได้กับของแบรนด์เนม โจรเอานาฬิกาไปทั้งกล่องกว่า 20 เรือน เอากระเป๋าไปหมด และเอาเงินสดไป ของที่เอาไปมันสะดวกในการขน และคุ้มค่าสมราคากว่ามาก มันเจ็บนะ เพราะมันเป็นสิ่งของที่เจรัก แต่ก็เพราะความประมาทของเราเอง ทั้งเก็บของไม่ดี ทั้งหลงวางใจไม่เปิดสัญญาณกันขโมย ทุกอย่างหายไปเพียงพริบตา”
บทเรียนครั้งนี้จึงสอนให้เธอรู้ว่าจงอย่าประมาท “สัญญาณกันขโมย ถ้าติดมาแล้วควรใช้ให้คุ้ม เสียเงินไปตั้งหลายบาท ถ้าเปิดไว้ตอนที่โจรเข้ามา แก๊กเดียวเสียงสัญญาณก็ดังลั่นแล้ว เจจึงต้องคอยย้อนถามตัวเองว่าทำไมเราไม่เปิด ก็เพราะเราประมาท เราเชื่อมั่นมากว่าไม่มีหรอก”


