posttoday

รอบรู้เรื่องเฟอร์นิเจอร์หนัง

28 กรกฎาคม 2560

วัสดุที่ใช้บุเฟอร์นิเจอร์ในระบบอุตสาหกรรม หรืองานช่างฝีมือมีด้วยกันหลากหลายชนิด แต่ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวล และหรูหรา คงหนีไม่พ้น "เฟอร์นิเจอร์หนัง"

นิตยสารบ้านและสวน

วัสดุที่ใช้บุเฟอร์นิเจอร์ในระบบอุตสาหกรรม หรืองานช่างฝีมือมีด้วยกันหลากหลายชนิด แต่ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวล และหรูหรา คงหนีไม่พ้น "เฟอร์นิเจอร์หนัง" โดยเฉพาะหนังที่ผ่านการตัดเย็บอย่างประณีตและมีดีไซน์สวยงาม "บ้านและสวน" มีวิธีเลือกใช้ ข้อสังเกตของหนังประเภทต่างๆ รวมทั้งการดูแลรักษามาเอาใจคนรักเฟอร์นิเจอร์หนังกัน

หนังแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

หนังแท้ เป็นหนังที่ได้จากผิวหนังสัตว์ มีลวดลายเป็นธรรมชาติ และไม่พบรอยต่อของลายภายในผืน นำมาผ่านกรรมวิธีต่างๆ เพื่อไม่ให้เน่าเปื่อย มีผิวสัมผัสนุ่มนวล หรือทำเทกซ์เจอร์ให้เกิดความหลากหลาย เช่น หนังฟอกฝาด หนังเคลือบน้ำมัน หนังชามัวร์ หนังพิมพ์ลายหรืออัดลาย ฯลฯ ข้อดีของหนังแท้คือ มีความเหนียว ยืดหยุ่นสูง ลวดลายสวยงาม มีอายุการใช้งานทนทาน เมื่อลองเผาไฟจะมีกลิ่นไหม้คล้ายเส้นผม แต่จะไม่ลามไฟและดับได้เอง หนังแท้มักมีกลิ่นเฉพาะ เมื่อใช้ไปสักระยะกลิ่นนั้นจะค่อยๆ จางไป เรียกได้ว่ายิ่งเก่าก็ยิ่งสวย มีเสน่ห์ หนังที่นำมาหุ้มเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะเป็นหนังวัว เพราะมีผืนใหญ่ แต่ก็มีหนังสัตว์ชนิดอื่นๆ สำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆ เช่น หนังม้า หนังนกกระจอกเทศ นิยมนำมาหุ้มสตูล กรุท็อปโต๊ะ เป็นต้น

หนังเทียม เป็นหนังที่ผลิตเพื่อใช้ทดแทนหนังแท้ ได้แก่ หนังเทียมพียู (PU : Polyurethane) และหนังเทียมพีวีซี (PVC : Polyvinyl Chloride) ซึ่งทั้งสองประเภทนี้มีส่วนประกอบสังเคราะห์จากพลาสติก แต่หนังเทียมพียูนั้นมีผิวสัมผัสที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับหนังแท้จนแยกออกได้ยาก นอกจากทดสอบด้วยการใช้ไฟลน แผ่นหนังจะเกิดการหดตัวและเสียรูปทันที อาจใช้เล็บขูดหรือลองบิดงอ แผ่นหนังมักไม่เกิดร่องรอยและคืนตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนหนังเทียมพีวีซีเราสามารถแยกออกได้ทันที เพราะความสวยงามและคุณภาพแตกต่างจากหนังแท้อย่างชัดเจน อาจดูคล้ายพลาสติกผิวนิ่มเสียมากกว่า ข้อดีของหนังเทียมอยู่ที่ราคาถูก ทนทานต่อความชื้น มีสีสันและลวดลายให้เลือกใช้หลากหลาย

เทคนิคการเลือกซื้อ

ข้อแตกต่างระหว่างหนังแท้กับหนังเทียมที่กล่าวมาข้างต้น อาจเป็นตัวช่วยให้คุณผู้อ่านตัดสินใจเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์หนังได้ง่ายขึ้น และแยกประเภทหนังแต่ละชนิดได้ถูกต้อง หากเป็นเฟอร์นิเจอร์หนังมือสองต้องสังเกตกันเป็นพิเศษ ลองใช้มือสัมผัสที่หนังบุเฟอร์นิเจอร์ ควรมีความนุ่ม หนังไม่แห้งแตก พลิกดูที่ตะเข็บไม่ฉีกขาดและเปื่อยยุ่ย หรือเกิดเชื้อราจากการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งคราบสกปรกหรือรอยตำหนิที่ซ่อมแซมได้ยากก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่ได้มาอาจไม่คุ้มค่าและใช้งานได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

การนำมาใช้

หากเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์หนังดีๆ สักชิ้นอย่างโซฟาหรืออาร์มแชร์มาแต่งบ้าน โดยนำมาแมตช์กับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ และพร็อพตกแต่งต่างๆ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศได้หลากสไตล์

วิธีดูแลรักษา

เฟอร์นิเจอร์หนังเป็นเฟอร์นิเจอร์อีกประเภทหนึ่งที่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษและทำความสะอาดให้ถูกวิธี เพื่อคงสภาพความสวยและยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น ซึ่งมีข้อควรปฏิบัติดังนี้ ควรจัดวางเฟอร์นิเจอร์หนังไว้ในห้องที่ถ่ายเทอากาศได้ดี ไม่มีความชื้น เพราะอาจเกิดเชื้อรา และไม่ควรอยู่ในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง หมั่นตบเบาะที่นั่งและพนักพิง เปลี่ยนตำแหน่งวางสลับ กลับด้านทุกสัปดาห์ เพื่อให้วัสดุภายในกระจายตัว ช่วยรักษารูปทรงของเฟอร์นิเจอร์

หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น น้ำมันสน ผงซักฟอก ทินเนอร์ หรือน้ำยาที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ เพราะอาจเกิดรอยด่าง ทำให้หนังบุเฟอร์นิเจอร์หมดสวย เพียงปัดฝุ่นดูดฝุ่นตามซอกโซฟาเดือนละครั้ง หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดให้แห้งสนิทเช็ดทำความสะอาดแล้วเป่าลมจนแห้ง หากเกิดรอยเปื้อนเช็ดออกยาก เช่น รอยปากกา คราบกาแฟ สามารถใช้ออยล์ล้าง เครื่องสำอางหรือน้ำสบู่เจือจาง จุ่มด้วยคอตตอนบัดหรือแปรงขนนุ่มค่อยๆ เช็ดไปทีละนิดและซับน้ำให้แห้ง จากนั้นทาบำรุงผิวของหนังบุเฟอร์นิเจอร์ด้วยน้ำยาสำหรับเคลือบหนังโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแห้งแตกของเฟอร์นิเจอร์ตัวโปรด