posttoday

'ออริจิ้น' เปิด8โครงการใหม่มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล.บาท ในไตรมาส2 เห็นสัญญาณบวกคนกล้าจ่าย

01 เมษายน 2565

'ออริจิ้น' ลุยอสังหาฯไตรมาส2 เห็นปัจจัยบวกกิจกรรมเศรษฐกิจผู้บริโภคในประเทศฟื้น เปิด8โครงการฯ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.3หมื่นล้านบาท รับรายได้ไตรมาสแรกกวาดยอดขายเฉียด 8,000 ล้าน

นายพีระพงศ์? จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่าสำหรับสถานการณ์ในไตรมาส 2/2565 นั้น บริษัทยังคงมองเห็นปัจจัยบวกในประเทศจากการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติของผู้บริโภค โดยประชาชนจำนวนมากฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า 3 เข็ม ส่งผลให้มีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น บริษัทจึงจะเดินหน้าเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มเติมอีก 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 13,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสดังกล่าว

แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 11,500 ล้านบาท และโครงการบ้านจัดสรร 1 โครงการ บริทาเนีย อมตะพานทอง (Britania Amata-Panthong) มูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท

โดยโครงการใหม่ที่ถือเป็นไฮไลต์ของไตรมาส 2/2565 ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมออริจิ้น เพรสทีจ ทองหล่อ (Origin Prestige Thonglor) และ โครงการออริจิ้น คอร์ทยาร์ด ทองหล่อ (Origin Courtyard Thonglor) ซึ่งเป็นสองโครงการในโครงการเฟสแรกของเมกะโปรเจกต์แลนด์มาร์ค 15,000 ล้านบาท ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์ (Origin Thonglor World) และในกลุ่มที่เป็นไฮไลต์ของไตรมาสดังกล่าว คือกลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) เช่น แฮมป์ตัน เอ็กเซ็กคูทีฟ ศรีราชา (Hampton Executive Sriracha) ตอบรับกระแสการลงทุนในเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากหลายโครงการก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน จะยังมีคอนโดแบรนด์ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) และบริกซ์ตัน (Brixton) มาเจาะตลาดกลุ่ม Gen Y & Gen Z และสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง

โดยแนวทางดังกล่าวเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้ และสอดคล้องกับผลดำเนินการในในไตรมาส 1/2565 (ม.ค.-มี.ค.2565) บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท ยังคงเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 (QoQ) และช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม ประมาณ 70% และยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรร ประมาณ 30%

จากยอดขายดังกล่าว แบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) ราว 50% และยอดขายจากกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขาย (New Launch) และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (Ongoing) รวมกันราว 50% โดยในไตรมาส 1/2565 นี้ บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท จึงทำให้สัดส่วนยอดขายจากโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ แม้โครงการ New Launch จะเปิดตัวเพียงไม่กี่เดือน แต่ ก็ยังทำยอดขายเฉลี่ยสะสม (Take Up Rate) อยู่ที่ประมาณ 50% ของยูนิตที่เปิดขาย

“วันนี้เรามองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีของตลาดที่อยู่อาศัย เมื่อประกอบกับความเข้าใจ Customer Insight เป็นอย่างดี จึงส่งผลให้เรายังได้รับการตอบรับอย่างยอดเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้า Gen Y ไปจนถึง Gen Z สังเกตได้จากยอดขายในภาพรวม โดยเฉพาะโครงการบริกซ์ตัน แคมปัส บางแสน คอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยบูรพา เจาะตลาดนักศึกษา ที่สามารถ Sold Out ได้ภายในระยะเวลาไม่นาน เช่นเดียวกับโครงการโซ ออริจิ้น เกษตร อินเตอร์เชนจ์ ที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์คน Work From Home และใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำยอดขายไปกว่า 70% ตั้งเต่เดือนเรก” นายพีระพงศ์? กล่าว

ล่าสุด ทริส เรทติ้ง ได้ปรับอันดับเครดิตของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จากระดับ BBB แนวโน้ม Positive สู่ระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และสามารถก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างต่อเนื่อง ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในธุรกิจคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีสินค้าครอบคลุมหลากหลายระดับราคาไปจนถึงราคา 50 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนลดลงจนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1 เท่า และยังสามารถสร้างรายได้และยอดขายได้อย่างเติบโต แม้ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ในปี 2564 ที่ผ่านมา

สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 103 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 1/2565) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN), ดิ ออริจิ้น (The Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 154,900 ล้านบาท

2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจพลังงาน ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร