posttoday

แอลพีเอ็นปรับทัพขยายฐานกลาง-บน

31 มกราคม 2560

ปี 2560 ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ หลังจากต้องเผชิญกับวิกฤตที่ทำให้ผลประกอบการและยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

โดย...โชคชัย สีนิลแท้

ปี 2560 ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ หลังจากต้องเผชิญกับวิกฤตที่ทำให้ผลประกอบการและยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเริ่มตกต่ำลงนับจากปี 2558

ทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า ปี 2559 บริษัทประสบกับอุปสรรคที่ส่งผลให้ผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งจากปัจจัยภายในคือสินค้าค้างขาย (Inventory) ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่จับตลาดกลาง-ล่าง

"ปัญหาของลูกค้ากลุ่มนี้คือมี รายได้น้อย รายได้ที่เกิดขึ้นนั้นมา จากรัฐบาลประชานิยมเมื่อ 3 ปีก่อน แต่หลังจากเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลทหารรายได้ไม่ได้เหมือนในยุคดังกล่าว แม้ว่าจะมีการประกาศเดินหน้าโครงการประชารัฐเมื่อปี 2558 แต่สิ่งที่ได้เห็นได้ชัดคือการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินของลูกค้าบริษัทนั้นยังมีอยู่สูงถึง 30%" ทิฆัมพร กล่าว

จากสาเหตุดังกล่าวทำให้ปีนี้ จึงต้องเป็น "ปีแห่งการปรับ" หรือ "YEAR OF SHIFT" ทิศทางการดำเนินงานของ แอล.พี.เอ็นฯ และบริษัทในเครือ

โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้จะเป็นการปรับเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปสู่กลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของการรับรู้รายได้ในอนาคต ประกอบกับ เน้นการระบายสต๊อกพร้อมขายเพื่อให้กลับมาเป็น รายได้ของบริษัท ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายยอดขายจากการระบายสต๊อกพร้อมขายปีนี้อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายในปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดขายอีก 1.3 หมื่นล้านบาท จะมาจากยอดขายโครงการใหม่

ทั้งนี้ มีแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด โดยมีโครงการที่เป็นกลุ่มระดับกลาง-บนจำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการ 1.6 หมื่นล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 2 โครงการ คือ โครงการลุมพินี สวีท เพชรบุรี-มักกะสัน มูลค่า 2,400 ล้านบาท และโครงการลุมพีนี เพลส บางนา กม.3 มูลค่า 990 ล้านบาท ซึ่งการเปิดขายได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ส่งผลให้มูลค่ายอดขายรอโอนของบริษัท ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2559 อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท

สำหรับรายได้ในปี 2560 บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อนราว 20% ซึ่งในปี 2559 ที่บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันตั้งแต่ปี 2558

พร้อมกันนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของบริษัทในเครือ คือ ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิส (LPS) ซึ่งจากเดิมดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการบริหารโครงการเฉพาะภายในกลุ่มบริษัท ไปเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ให้กับบริษัทอสังหาฯ รายอื่น โดยเริ่มเจรจากับบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ ที่จะร่วมดำเนินงาน่เบื้องต้น 2 โครงการ
 
นอกจากนี้ จะนำบริษัท ลุมพินี พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส แอนด์ แคร์ (LPC) ขยายฐานออกไปรับงานจากภายนอกโดย ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ 340 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน และลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจ เมนท์ (LPP) ตั้งเป้ารายได้ 520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน

นี่คือการปรับตัวครั้งใหญ่ที่ ต้องหารายได้จากธุรกิจขายและเช่า ที่ ณ เวลานี้รายได้มาจากการขายอยู่ที่ 98%