"ชัชชาติ" ขอปั้นคิวเฮ้าส์ให้เด็กลง

คิวเฮ้าส์ เปิดตัวซีอีโอใหม่ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" โชว์วิสัยทัศน์ ต้องปรับแบรนด์คิวเฮ้าส์ให้ทันสมัย ขยายฐานสู่กลุ่มเจนวายมากขึ้น

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ หรือคิวเฮ้าส์ เปิดเผยว่า เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอคิวเฮ้าส์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2558 โดยเคยเป็นกรรมการ (บอร์ด) ในบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของคิวเฮ้าส์ตั้งแต่ปี 2551 ก่อนที่จะลาออกจากการเป็นบอร์ดแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ในช่วงที่เข้าสู่วงการเมืองและเป็นรัฐมนตรี

"แต่พอช่วงที่ไม่ได้ทำงานการเมืองแล้ว ทางบอร์ดคิวเฮ้าส์​ ก็ชวนเข้ามานั่งเป็นซีอีโอให้กับคิวเฮ้าส์ ซึ่งประสบการณ์จากการเป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ก็ส่งเสริมการเข้ามาเป็นซีอีโอในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์"     

สำหรับวิสัยทัศน์ในการเข้ามาบริหารคิวเฮ้าส์ ก็ต้องการขยายฐานกลุ่มลุกค้าไปยังกลุ่มเจนวายมากขึ้น โดยจะปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ทันสมัย รวมถึง การใช้สื่อโซเชียล มีเดียในการเข้าถึงคนกลุ่มนี้ ซึ่งหวังให้แบรนด์คิวเฮ้าส์กลายเป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่คนอยากมีบ้านนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ หรือเป็นเฟิร์สแบรนด์ (First Brand) ที่คนอยากมีบ้านนึกถึง

สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2558 มีด้วยกัน 30 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมด 33,014 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านแนวราบ 20 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 15,479 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 17,535 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นโครงการบ้านระดับกลาง 3-10 ล้านบาท แต่จะมีโครงการคอนโดมิเนียม ระดับไฮเอนด์ 1 โครงการ ภายใต้แบรนด์ "คิว สุขุมวิท" ใกล้บีทีเอสนานา จำนวน 273 ยูนิต มูลค่าโครงการ 9,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแรกที่เปิดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ 

ทั้งนี้ คอนโดมิเนียม คิว สุขุมวิท ใกล้สถานีบีทีเอสนานา บนพื้นที่  3.42 ไร่ ซึ่งถือเป็นคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักซัวรี่ เพราะเป็นที่ดินที่ซื้อมาในต้นทุนสูงถึง 1.8 ล้านบาท/ตารางวา (ตร.ว.) โดยพัฒนาเป็นอาคารชุดความสูง 42 ชั้น จำนวน 273 ยูนิต ที่จอดรถ 645 คัน เป็นห้องชุด 2-4 ตารางเมตร (ตร.ม.) พื้นที่ใช้สอย 92-296 ตร.ม. ราคา 2.6 แสนบาท/ตร.ม. ขึ้นไป หรือราคาเริ่มต้น 26.3 ล้านบาท/ยูนิต

น.ส.อลิวัสสา พัฒนาถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) กล่าวว่า คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซัวรียังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่ซัพพลายที่เข้าสู่ตลาดมีไม่มากนัก โดยตั้งแต่ปี 2550-2558 มีซัพพลายคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซัวรีเข้าสู่ตลาดย่านใจกลางเมืองเพียง 2,300 ยูนิต หรือประมาณ 2.3% ของห้องชุดหรูทั้งหมดในใจกลางเมือง โดยทำเลที่สามารถพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซัวรีมี 4 ทำเล  คือ 1.ใจกลางลุมพินี 2. สีลม-สาทร 3. สุขุมวิท (ไม่เกินทองหล่อ) 4.ริมแม่น้ำ