แลนด์ฯซุ่มผุดคอนโดพรีแฟบ

แลนด์ฯ เร่งศึกษาคอนโดพรีแฟบ แก้แรงงานขาด พร้อมเปิดแผนลงทุนปี 2556 ผุด 24 โครงการ 4.3 หมื่นล้าน

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการก่อสร้างคอนโดมิเนียมด้วยระบบสำเร็จรูป หรือพรีแฟบ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตแรงงานขาดแคลน โดยระบบก่อสร้างดังกล่าวจะใช้ได้กับอาคารความสูงไม่เกิน 8 ชั้น (โลว์ ไรซ์) ซึ่งนอกจากจะลดการพึ่งพาแรงงานแล้ว จะยังทำให้ระยะเวลาก่อสร้างเร็วขึ้นอีก 20% จากปกติอาคารความสูง 8 ชั้น จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 12 เดือน

ทั้งนี้ ระบบก่อสร้างอาคารด้วยระบบพรีแฟบ เป็นเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น และร่วมพัฒนากับพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูป โดยอยู่ระหว่างศึกษาขั้นตอนการประกอบให้เข้ากันและอยู่ได้จริง โดยคอนโดมิเนียมระบบพรีแฟบจะมีราคา 1.25-1.5 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นแบรนด์ใหม่ โครงการแรกจะเปิดตัวได้ปลายปีนี้ ในทำเลพระราม 2 ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล

สำหรับการก่อสร้างด้วยระบบพรีแฟบที่ผ่านมาแลนด์ฯ เน้นจับมือกับพันธมิตรผู้ผลิต ไม่เน้นลงทุนสร้างโรงงานเอง โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิต 2,500 หลังต่อปี ปรับเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี โดยสัดส่วนที่อยู่อาศัยของแลนด์ฯ ที่มีราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท ก่อสร้างด้วยระบบพรีแฟบ คิดเป็น 70% ของยอดขายทั้งหมด

นายนพร กล่าวอีกว่า แผนการลงทุนในปีนี้จะใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น งบซื้อที่ดิน 7,000 ล้านบาท และงบลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่า 3,000 ล้านบาท โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่า จะเป็นการลงทุนในประเทศ 2,000 ล้านบาท ส่วนอีก 1,000 ล้านบาทจะเป็นเม็ดเงินที่ลงทุนซื้อทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกาต่อเนื่อง หลังจากที่ปีที่แล้วได้ตั้งบริษัทย่อย Land and House U.S.A.,Inc. และซื้ออพาร์ตเมนต์ย่านธุรกิจไอที อ่าวซานฟราน เพื่อปล่อยเช่ามาแล้ว 1 อาคาร

ด้านนายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าจะลงทุนซื้ออพาร์ตเมนต์อีก 2 อาคารในย่านใกล้เคียง มูลค่าลงทุนอาคารละ500 ล้านบาท เพราะถือว่ายังเป็นจังหวะที่ดีและอยู่ในย่านที่มีความต้องการเช่าสูง ส่วนโครงการที่จะเปิดใหม่ในไทยปีนี้มี 24 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 4.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 10 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 10 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท เติบโต 19.5% จากปีที่แล้วที่มียอดขาย 2.5 หมื่นล้านบาท