มหาดไทยโชว์ผลงานประชารัฐสร้างรายได้กว่า 2.8 พันล้านบาท

มหาดไทยโชว์ผลงานประชารัฐ E3 สร้างรายได้กว่า 2.8 พันล้านบาท มีผู้ได้รับประโยชน์กว่า6แสนคน

เมื่อวันที่ 21 ก.ย.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐ คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3) พร้อมด้วย นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน และคณะทำงานยุทธศาสตร์ชาติ (คณะที่ 4 การลดความเหลื่อมล้ำ) โดยมีนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เลขานุการร่วมภาครัฐ และเครือข่ายภาคเอกชน 14 แห่ง ที่ร่วมกันขับเคลื่อนดำเนินการ ร่วมแถลงผลการดำเนินงานของภาคเอกชนอย่างเป็นรูปธรรม และแนวทางการขับเคลื่อน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ประกาศใช้นโยบาย “สานพลังประชารัฐ” โดยประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ปัญหาและคิดหาทางสร้างอนาคตให้ประเทศไทย ผ่านการทำงานพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่มุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน   

ทั้งนี้  มีคณะทำงานร่วมภาครัฐและภาคเอกชนเป็นกลไกขับเคลื่อนนโยบาย โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในด้านการพัฒนาคือ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” มีกรอบเป้าหมายเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน โดย คณะทำงานฯได้ดำเนินการใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย เกษตร แปรรูป และท่องเที่ยวโดยชุมชน ภายใต้ 5 กระบวนการ ได้แก่ การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารสร้างการรับรู้ และการบริหารจัดการ

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสารพลังประชารัฐประจำจังหวัด (ศสป.) และบริษัทประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด เป็นกลไกในการขับเคลื่อน จากการดำเนินงานมากกว่า 2 ปี คณะทำงานสร้างผลงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม มีการนำนวัตกรรมและองค์ความรู้เสริมสร้างเศรษฐกิจ 1.0 ให้เป็น Smart 1.0 เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจพื้นฐานที่เติบโตจากชุมชนอันเป็นรากฐานสำคัญของประเทศด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มมูลค่า จัดหาช่องทางการตลาด รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพสินค้า ให้มีศักยภาพและความเข้มแข็งพร้อมก้าวสู่เศรษฐกิจ 4.0 สร้างความเข้มแข็งและสานพลังทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อให้เศรษฐกิจในพื้นที่เติบโตอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน เชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากกับเศรษฐกิจระดับประเทศ

สำหรับ ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม มีกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการพัฒนาซึ่งได้คัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย 4,101 กลุ่ม โดยกลุ่มเป้าหมายมีรายได้แล้ว 3,668 กลุ่ม รวมรายได้สะสมกว่า 2,871 ล้านบาท มีผู้ได้รับประโยชน์ 611,548 คน

ทั้งนี้ ได้มีการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงการผลิต เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม อาทิ โครงการโรงพยาบาลอาหารปลอดภัย ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายด้านการเกษตรเข้าร่วมโครงการ 43 กลุ่ม จำนวน 28 โรงพยาบาล ใน 12 จังหวัด

นอกจากนั้น ยังมีโครงการกาแฟ 9 ดอยตามรอยพ่อ ภายใต้แบรนด์ “Nine Hills” ซึ่งสามารถสร้างการตื่นตัวการรวมกลุ่มกาแฟของวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตกาแฟ และกาแฟเทพเสด็จ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในพื้นที่ 9 ดอย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI อีกด้วย

ด้านนายฐาปน สิริวัฒนภักดี  กล่าวว่า การนำกรอบแนวคิด “วิสาหกิจเพื่อสังคม” มาขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายสานพลังประชารัฐทำให้เกิดวิสาหกิจเพื่อสังคมรูปแบบใหม่ โดยจัดตั้งบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ครบ 76 จังหวัด มีการขับเคลื่อนการทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ที่เป็นรูปธรรม 3 กลุ่มงาน ได้แก่ เกษตร แปรรูป และท่องเที่ยวโดยชุมชน มีกลุ่มเอกชนร่วมขับเคลื่อนแล้ว 14 หน่วยงาน

นายฐาปน กล่าวว่า ทั้ง 14 หน่วยงานมีการลงพื้นที่สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน การแปรรูป การท่องเที่ยวโดยชุมชน ทั้งยังส่งเสริมการเพิ่มช่องทางการตลาด และการประชาสัมพันธ์ อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์กระจูดในจังหวัดนครศรีธรรมราช โครงการตลาดประชารัฐของดีวิถีชุมชน ธ.ก.ส. การจำหน่าย กล้วยหอมทองในเซเว่นฯ การจัดทำชุดของขวัญปีใหม่จากผลิตภัณฑ์ชุมชน โครงการต้นกล้าชุมชน ร้านฟาร์มสุข จำหน่ายสินค้าวิสาหกิจชุมขน OTOP ผลิตผลพันธุ์พืชและอุปกรณ์ทางการเกษตร เป็นต้น