สสส.-ครอบครัว จับมือ ต้านภัยบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียนประถม
สสส.และมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว จัดนิทรรศการสัญจร"FAKE OR FRESH?" ปลุกพลังวัยประถมรู้ทันพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า สร้างพื้นที่ปลอดทอยพอดในโรงเรียน
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว จัดงาน Roadshow นิทรรศการสัญจร “FAKE OR FRESH? – MY LIFE EXHIBITION” ภายใต้โครงการ “รู้ทันสื่อ รู้ทันภัย ป้องกันเยาวชนไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า” ณ โรงเรียนวัดบางนาใน เขตบางนา กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กและเยาวชนไทย หลังพบพฤติกรรมเด็กวัยประถมทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
กิจกรรมในวันนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากครู นักเรียน ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่เขตบางนา โดยมีเป้าหมายให้ผู้ใหญ่ได้เรียนรู้ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าไปพร้อมกับเด็กๆ เพื่อสร้างสถานศึกษาที่ “ปลอดทอยพอด”
ดร.วีรภัทร ไม้ไหว ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางนาใน กล่าวว่า นิทรรศการนี้เป็น “นิทรรศการมีชีวิต” ที่ออกแบบมาให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง เพื่อเข้าใจถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริง พร้อมเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ รู้เท่าทันสื่อ และเลือกสิ่งที่ดีให้กับตนเองในยุคที่ข้อมูลหลากหลายและบางครั้งแฝงไปด้วยอันตราย
“บุหรี่ไฟฟ้าถูกนำเสนอเหมือนเป็นของเล่นที่ปลอดภัย แต่เบื้องหลังคืออันตรายต่อสมอง ปอด และสุขภาพของเด็กทุกคน” ดร.วีรภัทร ย้ำและเสริมว่า โรงเรียนวัดบางนาในได้ใช้ระบบคะแนนพฤติกรรมในการดูแลนักเรียนกว่า 600 คน หากพบปัญหาสูบบุหรี่ไฟฟ้า จะเข้าสู่กระบวนการทำความดี และเชิญผู้ปกครองมาร่วมหาทางออก พร้อมจัดการประชุมผู้ปกครองทุกภาคเรียนเพื่อชี้แจงภัยของบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด โดยยกตัวอย่าง 2 เคสที่พบเด็กอ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นของพี่ชายฝากไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการให้ความรู้แก่เด็กให้สามารถเลือกสิ่งที่ดีได้ด้วยตนเอง
นางสาวยอดขวัญ รุจนกนกนาฏ นักบริหารแผนงานชำนาญพิเศษ สสส. กล่าวว่า นิทรรศการนี้มุ่งเน้นให้เยาวชนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง เข้าใจกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ผลิต และผลกระทบจากการสูบ รวมถึงกลไกการทำงานของสารเคมีในบุหรี่ไฟฟ้า และผลเสียต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ยังช่วยวิเคราะห์การชักจูงผ่านสื่อดิจิทัล โซเชียลมีเดีย และบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด ให้สามารถแยกแยะข้อมูลจริง-เท็จ โฆษณาแฝง และเลือกใช้ชีวิตอย่างมีสติ
“เราต้องการให้เด็ก ครู ผู้ปกครองได้เรียนรู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีหน้าตาเป็นอย่างไร มีการพัฒนาอย่างไร และกลิ่นรสยั่วยวนเด็กขนาดไหน” นางสาวยอดขวัญกล่าว และเสริมว่า ข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพในปี 2566 พบว่าเยาวชนอายุ 15-20 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงถึงร้อยละ 25 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยผู้ที่เริ่มสูบตั้งแต่อายุน้อยมีแนวโน้มสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าบุหรี่มวน สาเหตุหลักคือต้องการคลายเครียดและติดนิโคติน ซึ่งส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเกือบ 900-1,000 บาทต่อเดือน
นางอำนวยพร เอี่ยมพันธ์ กรรมการและเลขานุการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันเข้าถึงเด็กวัยประถมศึกษาแล้ว ครูและครอบครัวจึงมีส่วนสำคัญในการดูแลฟูมฟักเด็กให้เติบโตอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะภัยเงียบอย่างบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งผู้ใหญ่ต้องเป็นแกนหลักในการให้ความรู้และปลูกฝังให้เด็กไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว จากการพูดคุยกับครูและเด็กที่เข้าร่วมนิทรรศการ พบว่าเด็กประถมต้นส่วนใหญ่รู้จักบุหรี่ไฟฟ้า และเด็กที่สูบมักจะเริ่มต้นเพราะคนในครอบครัว เช่น พ่อแม่ พี่ชาย หรือเพื่อนที่อยู่บ้านละแวกเดียวกัน
“จึงอยากจะเชิญชวนคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง ให้ความสนใจและไม่อนุญาตให้เด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้า” นางอำนวยพรกล่าวทิ้งท้าย พร้อมเชิญชวนติดตามข้อมูลพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าจากเพจมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และสำหรับสถานศึกษาที่สนใจจัดกิจกรรมก็สามารถติดต่อมาเพื่อร่วมมือกันให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน


