GISTDA ปลื้มงาน THAILAND SPACE WEEK 2023 ผลักดันเศรษฐกิจอวกาศไทยไปอีกก้าว

          GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ปลื้ม งาน THAILAND SPACE WEEK 2023 "FOSTERING GLOBAL VALUE CHAIN" เชื่อมไทยสู่อุตสาหกรรมอวกาศโลก ประสบความสำเร็จตามเป้า นอกจากนำเสนอความก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจอวกาศของไทยแล้ว ยังดึงดูดเด็กและเยาวชนซึ่งจะมาร่วมขับเคลื่อนเทคโนโลยีอวกาศของไทยในอนาคตได้อีกจำนวนมาก

          นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยระหว่างเข้าร่วมงาน Thailand Space Week 2023" เชื่อมไทยสู่อุตสาหกรรมอวกาศโลก ตั้งแต่วันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ Plenary hall 1-2 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร  ว่า กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาและก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ และพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อพัฒนาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะนโยบายรัฐบาล ที่เน้นใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งธุรกิจอวกาศเป็นธุรกิจใหม่ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและสนับสนุน

          ด้าน ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA เปิดเผยว่า การจัดงาน THAILAND SPACE WEEK 2023 "FOSTERING GLOBAL VALUE CHAIN ระบุว่า การจัดงานครั้งนี้ ถือว่าสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์ สามารถดึงดูดพันธมิตรทั้งภาคราชการและเอกชน ทั้งในและนอกประเทศมาร่วมงาน ทั้งยังกระตุ้นให้เด็กและเยาวชน ที่เข้ามาร่วมรับชมงานสนใจในเทคโนโลยีอวกาศ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานประสบการณ์ด้านอวกาศ ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติต่อไป

          ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีอวกาศไปมาก ปัจจุบันเรามี เทคโนโลยี IoT ที่สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต จากในอดีตประเทศไทยต้องพึ่งเงินทุนจากหน่วยงานของรัฐ แต่ตอนนี้เรามีพันธมิตรมากมายจากหลายประเทศที่ช่วยสนับสนุนด้านการใช้ข้อมูล ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี การพัฒนา AI หรือ machine learning มีการพัฒนาด้านการประยุกต์ใช้งาน ที่สามารถนำไปใช้ได้ในหลายภาคส่วนมากขึ้น และไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะหน่วยงานภาครัฐเหมือนในอดีต แต่ภาคประชาชนยังสามารถใช้งานได้ และได้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามค่าฝุ่นละออง PM 2.5 การติดตามการสูญเสียพื้นที่ป่า เป็นต้น นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยียังมีประโยชน์ต่อการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าผ่านชุดข้อมูลแบบ Real-time ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ รวมถึงสร้างโอกาสให้เกิดอาชีพใหม่ในอนาคต

          โดย“เศรษฐกิจอวกาศ” ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทย ที่ เรามุ่งหวังที่จะส่งเสริมและสร้างความแข็งแกร่งให้กับ “เศรษฐกิจอวกาศ” ให้กลายเป็นกลไกในการขับเคลื่อนประเทศ การจัดงานในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอวกาศของประเทศไทย

          สำหรับการจัดงานตลอด 3 วัน มีนักวิชาการ ผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จาก 15 ประเทศ มาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็น รวมทั้งออกบูทแสดงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานเกือบ 3 พันคน

          Galaxy space บริษัทที่เชียวชาญการออกแบบดาวเทียม ผลิต และ ปฏิบัติการทางดาวเทียม ซึ่งเป็นบริษัทยูนิคอร์นแห่งแรกในภาคอวกาศและอินเทอร์เน็ต ผ่านดาวเทียมเชิงพานิชย์แห่งแรกของจีนด้วยมูลค่าบริษัทเกือบ 1.6 พันล้านดอลลาร์ เปิดผยมุมมองต่อธุรกิจอวกาศของไทยว่ามีอนาคตที่สดใจแน่นอนหากมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากภาครัฐฯ"

          ส่วนนายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยถูกมองว่ามักจะซื้อเทคโนโลยีจากต่างชาติเข้ามาใช้ แทนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมของตัวเอง นายปฐมภพ ระบุว่า ในช่วงแรกเราต้องยอมรับว่าเรามีการนำเทคโนโลยีระดับโลกของต่างชาติมาประยุกต์ใช้ในไทย แต่ในอนาคตที่เรากำลังจะก้าวไป วิศวกรไทยถือว่าเข้ามามีบทบาทในการช่วยพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีอวกาศเพื่อประยุกต์ใช้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

          ขณะเดียวกัน กลุ่มนักเรียนจากหลากหลายโรงเรียนที่เดินทางมาเยี่ยมตามบูทต่างๆ และศึกษาข้อมูลทางอวกาศภายในงาน กล่าวว่าอยากมาเห็นคนทำงานของจริง เพื่อศึกษาข้อมูลและต่อยอดทั้งการเรียนและเรื่องงานในอนาคต เพราะการคุยกับคนจริงๆได้มากกว่าหาจากในอินเทอร์เน็ท

          ดร.ปกรณ์  ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัยของไทยหลายแห่งเริ่มมีการเปิดหลักสูตรด้านเทคโนโลยีอวกาศหรือด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องมากขึ้น มั่นใจว่า ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า เด็กที่จบด้านเทคโนโลยีอวกาศมาจะมีบริษัทรองรับทำงานอย่างแน่นอน ซึ่งในต่างประเทศบุคลากรที่ทำงานด้านนี้ถือว่ายังขาดแคลน และต้องการกำลังคนอยู่อีกมาก

          ตอนนี้ GISTDA มีทุนสร้างดาวเทียมขนาดจิ๋วที่ให้เด็กเหล่านี้ได้ทดลองสร้าง รวมถึงมีทุนที่จะพาน้องๆที่สนใจไปเข้าแคมป์ของ NASA  ซึ่งทางพระจอมเกล้าลาดกระบังและอีกหลายหน่วยงานให้ความร่วมมือ

          การจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญของประเทศไทย ที่มีการแลกเปลี่ยนมองหาโอกาส การสร้างธุรกิจในเรื่องกิจกรรมทางอวกาศ ซึ่งมีทั้งต่างชาติและคนไทยมา ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น มีการลงนามในข้อตกลงต่างถึง 7 ฉบับ มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเครื่องชี้ถึงความสำคัญของธุรกิจอวกาศในการขับเคลื่อนประเทศไทยได้เป็นอย่างดี