รู้จัก วีทูวี ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านอาหาร และ ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพร่างกาย

          ข่าวประชาสัมพันธ์ - คุณพีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ Deputy Managing Director กลุ่มบริษัท วี ไอ วี อินเตอร์เคม จำกัด และ คุณกันย์วดี จิวะพรทิพย์  Business Development Director  บริษัท วี ทู วี จำกัด ทายาทรุ่นที่สอง  บริษัท วี ไอ วี อินเตอร์เคม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าเคมีภัณฑ์จากทั่วโลก ซึ่งดำเนินธุรกิจให้กับกลุ่ม B2B มากว่า 55 ปีต่อยอดความเชี่ยวชาญจับกลุ่มตลาดใหม่ B2C ภายใต้บริษัท วี ทู วี จำกัด ชูพันธกิจส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ บริโภคคนไทย ผ่านการผลิตและนำเข้าสินค้าในกลุ่ม Food & Skincare ตั้งเป้ายกระดับความเป็นอยู่ของกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่ใส่ใจเรื่องสุข ภาพในแนวทาง Preventive Healthcare

          บริษัท วี ไอ วี อินเตอร์เคม จำกัด ถือเป็นบริษัทลำดับแรกๆในประเทศไทยที่นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้า
เคมีภัณฑ์จากทั่วโลก ทั้งกลุ่มเคมีอุตสาหกรรมและเคมีไลฟ์สไตล์ ครอบคลุมหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเน้นไปที่กลุ่มตลาด B2B ส่งเคมีภัณฑ์ให้กับโรงงานผู้ผลิตในหลากหลายทุกอุตสาหกรรม ตลอด 55 ปี ของการดำเนินธุรกิจ บริษัท วี ไอ วี อินเตอร์เคม จำกัด ได้แตกไลน์บริษัทในเครือเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า อาทิ บริษัท ไวต้า จำกัด บริษัท ไวต้า บาเรนซ์ จำกัด บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สาลี่ พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน)  บริษัท สาลี่ อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) และยังมีบริษัทร่วมทุนกับประเทศญี่ปุ่น อาทิ ThreeBond , G2C ศูนย์บริการเคลือบแก้ว เป็นต้น โดยตั้งเป้าเป็น Total Solution เพื่อให้บริการลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมแบบครบวงจร

          นอกจากกลุ่มเคมีอุตสาหกรรม คุณพีรพันธ์ กล่าวว่า กลุ่ม life Science ก็เป็นแกนสำคัญที่บริษัทให้ความสนใจโดยเริ่มทำตลาดและจัดจำหน่ายมากว่า 40 ปี โฟกัสไปที่ตลาด Pharmaceutical, Food Ingredients และ Cosmetic โดยยังคงจับกลุ่มลูกค้า B2B จำหน่ายให้กับโรงงานที่ผลิตอาหาร เครื่องสำอาง และยา

          “ที่ผ่านมาเราเริ่มเห็นว่ากลุ่ม Pharmaceutical, Food Ingredients และ Cosmetic เป็นเทรนด์ที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดในตลาดเมืองไทย ทำให้เราเริ่มสนใจอยากจะลงมาจับตลาด B2C ขายสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยตรง ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภคคนไทยผ่านสินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพ โดยมองไปที่กลุ่มเป้าหมายหลักๆ คือ ผู้สูงอายุ เด็ก และคนที่สนใจเรื่องสุขภาพ จึงเป็นที่มาของการตั้งบริษัท วี ทู วี จำกัด ใช้ความเชี่ยวชาญด้านการผลิต การทำสินค้า และความแข็งแกร่งด้านพาร์ทเนอร์เป็นที่ตั้ง”

          ช่วงเริ่มต้น วี ทู วี ลงเล่นในตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยการส่งผลิตภัณฑ์ตัวแรก V Start เวย์โปรตีนที่ช่วยบูทกล้ามเนื้อและพลังงาน ก่อนจะหันมาจับตลาดสกินแคร์ส่งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณสำหรับเด็กภายใต้ชื่อ Aviiday Skin Care เจาะกลุ่มเด็กอายุ 1-12 ปี ชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมออร์แกนิก

          “10 กว่าปีที่ผ่านมา ตลาดแม่และเด็กเติบโตมาก แม้ว่าอัตราการเกิดลดลง แต่ผู้ปกครองที่มีลูกกับใช้จ่ายมากขึ้น ต้องการสินค้าที่ดีที่สุดให้กับลูก และการดูแลผิวพรรณของเด็กยุคนี้ก็ต่างจากเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้พ่อแม่ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลผิว (Skin Routine) สำหรับเด็กมากขึ้น ทำให้เรามองเห็นโอกาส เลยจับตลาดสกินแคร์ ก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มพ่อแม่ยุคใหม่อย่างมาก”

          ล่าสุด วี ทู วี กลายเป็นผู้เล่นในตลาดอาหารเต็มตัว ด้วยความไว้วางใจจาก อิจิรันราเมง (Ichiran Ramen) ร้านราเมงชื่อดัง จากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นในปี 1960 หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม "ราเมงข้อสอบ" " ปัจจุบันขยายสาขาไปทั่วโลกทั้งหมด 86 สาขา ได้แต่งตั้งให้  บริษัท วี ทู วี จำกัด เป็นผู้นำเข้า จัดจำหน่าย และดูแลการตลาดในประเทศไทยครบวงจรภายใต้ชื่อ Ichiran Thailand Authorized เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงอิจิรันราเมงที่ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นได้ง่ายและสะดวกขึ้น

 

          คุณกันย์วดี กล่าวว่า “เป็นโอกาสดีที่พาร์ทเนอร์จากญี่ปุ่นของเราแนะนำว่าทางอิจิรันราเมงกำลังต้องการขยายตลาดต่างประเทศ ทางเราเองก็สนใจอาหารญี่ปุ่นเป็นทุนเดิม เนื่องจากเป็นอาหารที่คนไทยชื่นชอบ ถูกปาก และรับประทานง่าย พอทราบว่าเป็นอิจิรันราเมง หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “ราเมงข้อสอบ” เราก็ยิ่งสนใจเพราะเป็นร้านราเมงที่คนไทยนิยม พอได้คุยกับทางแบรนด์เขาค่อนข้างเชื่อมั่นในบริษัท ประกอบกับเราเองก็ทำธุรกิจกับบริษัทของญี่ปุ่นมานานในการนำเข้าเคมีก็ยิ่งได้รับความมั่นใจและเชื่อใจจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย Ichiran Ramen ในรูปแบบเส้นราเมนแห้งพร้อมปรุง แต่เพียงผู้เดียวภายใต้ชื่อ Ichiran Thailand Authorized ผ่านทางช่องทางออนไลน์ และ ออฟไลน์

          Ichiran Ramen เริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์อย่างช้อปปี้และลาซาด้าเมื่อปลายปี 2021 ก่อนจะวางจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าชั้นนำทั่วไป อาทิ Gourmet Market, Central Food Hall, Seefah RBSC Polo Club, Tops Fine Food Earth Ekamai และ Tops Food Hall Marché Thonglor

          คุณพีรพันธ์ กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกนำเข้าผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงแทนที่จะสร้างแบรนด์ของตัวเองเหมือนกับตอนเปิดตลาดสกินแคร์ว่า “เนื่องจาก วี ทู วี ไม่เคยทำตลาด B2C ถ้าเราได้แบรนด์ที่แข็งแรงอยู่แล้ว ก็น่าจะเป็นโปรไฟล์ที่ดีและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ วี ทู วี ได้ หากจะต่อยอดธุรกิจด้านอาหารในอนาคต โดยเราวางกลุ่มเป้าหมายของ Ichiran Ramen เป็นผู้บริโภคกลุ่ม B+ ที่ชื่นชอบการรับประทานราเมงที่ร้าน เพื่อให้เขาสามารถรับประทานราเมงที่มีรสชาติเดียวกันกับที่ญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่น”

          เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนอิจิรันราเมงชาวไทย เดือนพฤศจิกายนนี้ ทางอิจิรันราเมงจากญี่ปุ่นจะยกทัพทีมเชฟตัวจริงมาเปิด Pop-up Store ที่เซ็นทรัลเวิล์ด บริเวณ Nippon Market Zone ในวันที่ 11-26 พ.ย. 2566 เป็นเวลา 16 วัน จำลองบรรยากาศร้าน ‘ราเมงข้อสอบ’ ที่คนไทยคุ้นเคยมาเสิร์ฟให้กับคนไทยได้ชิมให้หายคิดถึง

          นอกจากจะได้ลิ้มรสชาติราเมงต้นตำรับจากเชฟตัวจริงแล้ว ทาง Ichiran Thailand Authorized บอกว่าในอนาคตจะเพิ่มไลน์สินค้า Ready to cook ซึ่งเป็นสินค้าใหม่จากทางอิจิรันราเมงมาวางจำหน่ายอย่างแน่นอน และต้องลุ้นกันว่าในอนาคตอาจจะมีการนำร้านอิจิรันราเมงจากญี่ปุ่นมาเปิดสาขาแรกที่เมืองไทย

          สำหรับ บริษัท วี ทู วี จำกัด คุณพีรพันธ์ บอกว่า ยังคงเดินหน้าตามวัตถุประสงค์แรกของการก่อตั้งบริษัทนั่นคือ เกาะเทรนด์สุขภาพ ผู้สูงอายุ และเด็ก “ก้าวต่อไปที่จะทำคู่กันคือ การนำแบรนด์ระดับโลกเข้ามา รวมถึงสร้างแบรนด์ใหม่จากวัตถุดิบที่มีและความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้ผลิต ถ้าเป็นธุรกิจอาหารจะเน้นที่การนำเข้าแบรนด์ที่คนไทยรู้จัก เพราะคนไทยชอบรับประทานอาหารเหมือนไปต่างประเทศ แต่ในอนาคตก็อาจจะทำแบรนด์ดิ้งของตัวเอง ข้อได้เปรียบที่จะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจคือ ด้วยความที่เราอยู่ในอุตสาหกรรมเคมี Life Science มานาน จึงรู้ว่าอะไรคือเคมีที่จะไม่สร้างผลกระทบกับมนุษย์ เราจึงอยากนำเสนอสินค้าคุณภาพดี ในราคาจับต้องได้ สร้างผลิตภัณฑ์และสินค้าให้อยู่ในคุณภาพระดับพรีเมี่ยม เพื่อยกระดับการใช้ชิวิตการกินอยู่ที่ดี ปลอดภัย ด้วยสินค้าและผลิตภัณฑ์จาก วี ทู วี”  

          “หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจให้ยั่งยืนและยืนระยะได้ในระยะยาว ต้องได้มาซึ่งความเชื่อมั่นในสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ เพราะนั่นเป็นความตั้งใจที่ต้องการสร้างแบรนด์ให้มีความยั่งยืน อยู่ในตลาดได้อย่างยาวนานและยั่งยืน ไม่จำเป็นต้องโตเร็วแบบก้าวกระโดด แต่ต้องก้าวเดินด้วยความมั่นคงนั่นคือความยั่งยืนที่แท้จริง” คุณพีรพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย