มหาวิทยาลัยคอร์แนล เนติบัณฑิตยสภาฯ และสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ยกระดับบุคลากรด้านกฎหมายและระบบยุติธรรมไทย
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา เนติบัณฑิตยสภา ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ร่วมกันลงนามในบันทึกความตกลงระหว่างกัน เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เพื่อส่งนักกฎหมายของไทยไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์แนล ภายใต้การดำเนินงานของ “กองทุนพัชรกิติยาภาเพื่อการศึกษากฎหมาย” รวมทั้งขยายความร่วมมือทางวิชาการ ในการแลกเปลี่ยนบุคลากรของมหาวิทยาลัยคอร์แนล และบุคลากรในหน่วยงานด้านกฎหมายของประเทศไทย
กองทุนพัชรกิติยาภาเพื่อการศึกษากฎหมายได้ก่อตั้งขึ้นภายใต้การกำกับดูแลของเนติบัณฑิตยสภาฯ โดยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต อัญเชิญพระนามของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ขณะเมื่อทรงดำรงพระอิสริยยศ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มาตั้งเป็นชื่อกองทุนเมื่อปี พ.ศ. 2549 เพื่อรำลึกถึงพระจริยาวัตรในขณะทรงศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยคอร์แนล ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ได้สร้างความประทับใจแก่คณาจารย์และนักศึกษา ทรงร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ทางกฎหมาย และทรงเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ของมหาวิทยาลัย ซึ่งล้วนมีคุณูปการสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความผูกพันระหว่างมหาวิทยาลัยคอร์แนลและวงการกฎหมายไทย ทั้งนี้ ได้มีนักศึกษากฎหมายไทยที่มีศักยภาพสูงได้รับทุนไปศึกษาต่อแล้วจำนวน 14 คน ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่นักเรียนทุนเหล่านี้ ได้กลับมาเป็นบุคลากรคุณภาพร่วมพัฒนาวงการกฎหมายไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้พิพากษา อัยการ และที่ปรึกษากฎหมายอย่างต่อเนื่อง ด้วยพระปณิธานที่มุ่งมั่นอุทิศพระองค์เองเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน และจากความสนพระทัยในประเด็นเรื่องสิทธิของกลุ่มเปราะบางต่างๆ รวมถึงผู้หญิงและเด็กที่มีความจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับระบบยุติธรรมทางอาญา ได้พัฒนาต่อยอดเป็นดุษฎีนิพนธ์ ณ เมื่อครั้งที่ทรงศึกษาที่มหาวิทยาลัยคอร์แนล จนในที่สุดเมื่อปี พ.ศ. 2553 ได้ทรงนำความรู้เหล่านี้ไปใช้เป็นฐานความคิดสำคัญสำหรับประเทศไทยในการผลักดันร่วมกับประเทศต่างๆ จนประสบผลสำเร็จ เกิดเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ที่มีชื่อว่า “ข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง” (United Nations Rules for the Treatment of Women Prisoners and Non-custodial Measures for Women Offenders) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า “ข้อกำหนดกรุงเทพ” (Bangkok Rules)นางสาวปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลฎีกาและนายกเนติบัณฑิตสภาฯ กล่าวว่า “เนติบัณฑิตยสภาฯ ในฐานะองค์กรวิชาชีพทางกฎหมายซึ่งเป็นแหล่งรวมนักกฎหมายทุกสายอาชีพ มีความภาคภูมิใจและมุ่งมั่นที่จะสานต่อความร่วมมือทางวิชาการกับทั้งสองสถาบัน เพื่อต่อยอดการส่งเสริมความรู้และพัฒนาบุคลากรในวิชาชีพกฎหมาย อันเป็นบทบาทและวิสัยทัศน์สำคัญของเนติบัณฑิตยสภาฯ เสมอมา”สำหรับนายเจน เดวิด โอลิน คณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์แนล ได้แสดงทัศนะว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้เห็นนักกฎหมายที่มีพรสวรรค์ มีพลัง และกระตือรือร้น คนแล้วคนเล่า ได้รับคัดเลือกให้เข้ารับทุนในพระนามของพระองค์ท่าน และการลงนามในบันทึกความตกลงครั้งใหม่นี้จะส่งผลให้สายสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยคอร์แนลและประเทศไทยยังคงแน่นแฟ้นสืบไป”นายพิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “เราให้คำมั่นว่าจะดำเนินการอย่างเต็มกำลังเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายร่วมกันที่จะส่งเสริมความเป็นเลิศทั้งในด้านวิชาการและในทางวิชาชีพ สำหรับคณาจารย์และผู้นำในแวดวงยุติธรรม โดยจะได้แลกเปลี่ยนมุมมองและประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับองค์กรภาคีต่อไป”ปัจจุบัน กองทุนพัชรกิติยาภาเพื่อการศึกษากฎหมายกำลังเปิดรับสมัครเพื่อสอบแข่งขันรับทุนพัชรกิติยาภาเพื่อการศึกษากฎหมาย ท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.thethaibar.or.th


