posttoday

ขันลงหินบ้านบุ หัตถศิลป์ไทยหาดูยาก สมัยกรุงศรีอยุธยา

03 สิงหาคม 2563

จากสถานการณ์โรคระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ทั่วโลกได้รับผลกระทบในวงกว้างรวมถึงประเทศไทย ส่งผลให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นเพื่อควบคุมการระบาด

โดยได้เริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ซึ่งมาตรการต่างๆ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยอีกด้วย แต่หลังรัฐบาลได้ควบคุมการระบาดได้ดีขึ้น มีจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศลดลง ธุรกิจต่างๆ กลับมาเริ่มดำเนินงานได้อีกครั้ง ดังเช่นร้านขันลงหิน เจียม แสงสัจจา ที่ประสบปัญหาจากสถาณการณ์ไวรัสเช่นกัน

ร้านขันลงหิน เจียม แสงสัจจา ของครูเมตตา เสลานนท์ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2552  ของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) ได้มีโอกาสมาออกร้านภายในงาน “ศิลปาชีพทอใจ วิถีใหม่ใต้ร่มพระบารมี”  เมื่อวันที่ 1 - 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งเป็นงานแรกหลังจากโควิดภายในประเทศลดลง ทำให้ได้มีโอกาสพบเจอลูกค้ากลุ่มเดิมและสร้างการรับรู้ความต้องการกับลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่มมากขึ้น

ขันลงหินบ้านบุ หัตถศิลป์ไทยหาดูยาก สมัยกรุงศรีอยุธยา

ครูเมตตา ถือเป็นผู้สืบทอดภูมิปัญญารุ่นที่ 6 ของร้านขันลงหิน เจียม แสงสัจจา จังหวัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า บ้านบุเป็นหนึ่งในชุมชนเก่าแก่ที่อพยพมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  สมัยก่อนคนในชุมชนทำอาชีพนี้เลี้ยงครอบครัวกันทั้งหมู่บ้าน แต่ตอนนี้เหลือช่างแค่ 6-7 คนเท่านั้นเรียกว่าเป็นช่างฝีมือรุ่นสุดท้ายที่สืบทอดเลยก็ว่าได้ ซึ่งความยากของงานหัตถกรรมเครื่องทองลงหินของช่างบ้านบุนี้คือกระบวนการผลิตที่ยังอนุรักษ์การผลิตด้วยมือทุกขั้นตอน มีความละเอียด ประณีตตามแบบโบราณทุกขั้น จึงทำให้เกิดข้อจำกัดในการผลิตชิ้นงาน กว่าจะได้เครื่องทองลงหินแต่ละชิ้นจะใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์

เครื่องทองลงหิน หรือทองสำริดขัดเงา เป็นงานหัตถกรรมไทยโบราณที่มีเอกลักษณ์ของความเงางาม และเสียงก้องกังวานเฉพาะตัวของชาวชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันพบว่าแหล่งผลิตงานหัตถกรรมเครื่องทองลงหินในประเทศไทยเหลือเพียงไม่กี่ราย  ส่วนใหญ่ช่างฝีมือที่ยังทำอยู่อายุเฉลี่ย 60 – 70 ปี ช่วยกันทำภายในครอบครัว เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และทรงคุณค่าที่สืบทอดภูมิปัญญากันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ส่วนการลงหิน คือ ชื่อขั้นตอนการใช้หินขัดจนกลายขึ้นเงาตามกรรมวิธีแบบโบราณตั้งแต่การหลอมทองแดงและดีบุกเข้าด้วยกันในเตาถ่านไม้ซาก เทโลหะผสมที่ได้ลงบน ดินงัน นำก้อนทอง มาเผาแล้วตีซ้ำแล้วซ้ำอีกจนได้รูปร่างตามความต้องการ ก่อนจะใช้ความร้อนเผาจนหลอมละลายสู่กระบวนการขัดเป็นอย่างสุดท้ายจึงพร้อมจำหน่าย ปัจจุบัน ขันลงหิน เจียม แสงสัจจา ได้พยายามปรับตัวเพื่อรับมือกับโลกยุคใหม่ คือการหันมาออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องทองลงหินเป็นเครื่องใช้ภายในครัวเรือนให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ทัพพี ที่เขี่ยบุหรี่ ชุดพานขนาดต่างๆ เป็นต้น

ปัจจุบันร้านขันลงหินบ้านบุ ริมคลองบางกอกน้อย จึงไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ผลิตผลงานเพื่อสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้งานหัตถศิลป์ ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมและศิลปหัตถกรรมที่สำคัญของประเทศไทย ที่ทุกคนต้องช่วยกันสืบสานและรักษาไว้ให้ถึงลูกหลานต่อไป

ขันลงหินบ้านบุ หัตถศิลป์ไทยหาดูยาก สมัยกรุงศรีอยุธยา

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"