บ้านประชารัฐริมคลองสร้างเพิ่มอีก 1 ชุมชน เผยแล้วเสร็จ 1,056 หลังใน 18 ชุมชน
พิธียกเสาเอกสร้างบ้านประชารัฐริมคลอง ชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธา เฟสแรกจำนวน 39 หลัง
พิธียกเสาเอกสร้างบ้านประชารัฐริมคลอง ชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธา เฟสแรกจำนวน 39 หลัง
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายบริหารจัดการสิ่งรุกล้ำลำคลอง โดยจะมีการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำคอนกรีตเพื่อป้องกันน้ำท่วมในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ และต้องมีการรื้อย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำลำคลองเพื่อเปิดพื้นที่สร้างเขื่อนฯ โดยสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานครรับผิดชอบก่อสร้างเขื่อนฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำโครงการ ‘บ้านประชารัฐริมคลอง’ รองรับชาวชุมชนที่ต้องรื้อย้ายเพื่อสร้างบ้านใหม่ มีเป้าหมาย 52 ชุมชน จำนวน 7,081 ครัวเรือนนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.พ. เวลา 9.00 น.ที่ชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธา ริมคลองลาดพร้าว (คลองถนน) เขตดอนเมือง มีพิธียกเสาเอกสร้างบ้านประชารัฐริมคลอง เฟสแรกจำนวน 39 หลัง โดยมีพลเอกสุรศักดิ์ ศรีศักดิ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานในพิธี มีผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย พลโทชนาธิป บุนนาค ผู้แทน คสช. นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) นางวาสนา ศิลป์เบญจพร ผู้อำนวยการกองระบบคลอง สำนักการระบายน้ำ กทม. ผู้แทนสำนักงานเขตดอนเมือง ชาวชุมชนร่วมมิตรฯ และเครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลองเข้าร่วมงานประมาณ 200 คน
พล.อ.สุรศักดิ์ ศรีศักดิ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำคลอง จึงมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ จัดทำโครงการรองรับผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนริมคลอง และให้ประชาชนเช่าที่ดินกรมธนารักษ์เพื่อสร้างบ้านอย่างถูกกฏหมาย ซึ่งขณะนี้ได้ก่อสร้างบ้านเสร็จไปแล้วรวม 1,056 ครัวเรือน ใน 18 ชุมชน อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 18 ชุมชน จำนวน 1,297 ครัวเรือน และพื้นที่พร้อมเริ่มก่อสร้างอีกประมาณ 100 ครัวเรือน ซึ่งชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธาที่มีพิธียกเสาเอกในวันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้
“วันนี้ผมขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธาที่จะเริ่มก่อสร้างบ้านเฟสแรก 39 หลัง ซึ่งอีกประมาณ 6 เดือนพี่น้องก็จะได้บ้านใหม่ที่มั่นคงแข็งแรง มีภูมิทัศน์ สิ่งแวดล้อม และสังคมที่ดีขึ้น ซึ่งหลังจากที่สร้างบ้านเสร็จแล้ว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น เช่น เรื่องการส่งเสริมอาชีพ การส่งเสริมกิจกรรมผู้สูงอายุ เด็ก และสตรี ขณะที่พี่น้องจะต้องช่วยกันดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมในชุมชนและในคลอง เพื่อให้ชุมชนและคลองมีความสวยงาม สะอาด สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำได้ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับชุมชนอื่นๆ
ส่วนประชาชนที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการทางเจ้าหน้าที่ก็จะใช้วิธีเจรจาพูดคุยเป็นหลักเพื่อให้เข้าใจนโยบายของรัฐบาลที่จะต้องสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม และผู้ที่ปลูกสร้างบ้านรุกล้ำคลองก็จะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกมา โดยมีการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่รองรับ” พลเอกสุรศักดิ์กล่าว
พล.อ.สุรศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการโดยการเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์เพื่อสร้างบ้านใหม่ สามารถเช่าที่ดินได้ระยะยาวในราคาถูก (ประมาณ 1.50 - 2 บาท/เดือน/ตารางวา) จากช่วงแรก 30 ปี สามารถขยายได้เป็นระยะๆ ละ 30 ปี ส่วนราคาค่าก่อสร้างบ้านหลังละประมาณ 400,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 2,000 บาทเศษก็ถือว่าเป็นภาระที่ไม่สูงมากนัก
นายเสถียร เกิดสมบูรณ์ ประธานสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธา จำกัด กล่าวว่า ชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธา ตั้งอยู่ใกล้ตลาดยิ่งเจริญ เขตดอนเมือง ชาวบ้านอยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุ (กรมธนารักษ์ดูแล)ก่อนปี 2510 และขยายบ้านเรือนจนหนาแน่น ปัจจุบันมีบ้านเรือนทั้งหมด 351 หลัง (370 ครัวเรือน) เข้าร่วมโครงการจำนวน 171 ราย โดยชุมชนเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์พื้นที่ 9 ไร่เศษ เพื่อก่อสร้างบ้านเฟสแรกจำนวน 39 หลัง เป็นบ้านแถว 2 ชั้น ขนาด 4.5 x 5.5 ม. หลังจากนั้นจึงจะเริ่มสร้างในเฟสต่อไป ใช้ระยะเวลาก่อสร้างในแต่ละเฟสประมาณ 6-8 เดือน
ทั้งนี้ พอช.ได้อนุมัติงบสินเชื่อเพื่อก่อสร้างบ้าน 39 หลัง จำนวน 10.8 ล้านบาทเศษ และสนับสนุนงบประมาณในด้านต่างๆ เช่น 1.งบช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบครัวเรือนละ 72,000 บาท 2.งบสาธารณูปโภคส่วนกลางครัวเรือนละ 50,000 บาท 3.งบอุดหนุนการก่อสร้างบ้านครัวเรือนละ 25,000 บาท
สำหรับแบบบ้านมีทั้งหมด 5 แบบ คือ 1.บ้านแถว 1 ชั้น ขนาด 4.5x5.5 ม. (5 หลัง) 2. บ้านแถว 2 ชั้น ขนาด 6.5x5.5 ม. (18 หลัง) 3. บ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาด 4.7x7.2 ม. (1 หลัง) 4. บ้านแถว 2 ชั้น ขนาด 4.5x5.5 ม. (150 หลัง) และ 5. บ้านแถว 2 ชั้น ขนาด 4.5x5.5 ม. + 6.5x5.5 ม. (9 หลัง) รวมทั้งหมด 171 หลัง ในจำนวนนี้จะมีการสร้างบ้านพักกลางสำหรับผู้ที่ด้อยโอกาสหรือไม่มีรายได้จำนวน 1 หลังเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัย และในระหว่างการก่อสร้างบ้านจะมีบ้านพักชั่วคราวในชุมชนจำนวน 40 หลังเพื่อรองรับชาวบ้าน ส่วนที่เหลือจะต้องเช่าที่พักชั่วคราวอยู่นอกชุมชน โดย พอช.สนับสนุนค่าเช่า (รวมอยู่ในงบช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ) ครัวเรือนละ 3,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 6 เดือน
สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร ซึ่งบริษัทริเวอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ประมูลงานได้ แต่การ
ตอกเสาเข็มเพื่อก่อสร้างแนวเขื่อนมีความล่าช้า เนื่องจากติดปัญหาบ้านเรือนที่รุกล้ำแนวคลองยังไม่ยอมรื้อย้าย ซึ่งจากแผนงานบริษัทฯ กำหนดตอกเสาเข็มให้ได้จำนวน 60,000 ต้น ภายในสิ้นปี 2560 และก่อสร้างเขื่อนฯ เสร็จภายในช่วงกลางปี 2562 นั้น
แต่ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถตอกเสาเข็มได้เพียง 18,123 ต้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30.21 ของเนื้องาน รวมระยะความยาวที่ตอกเสาเข็มได้ 13.83 กิโลเมตร ดังนั้นสำนักการระบายน้ำ กทม.จะเร่งรัดให้บริษัทรับเหมาตอกเสาเข็มให้ได้อีก 5,000 ต้น ภายในเดือนเมษายนนี้ ส่วนประชาชนที่ยังไม่เข้าร่วมและต่อต้านโครงการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะใช้การเจรจาเป็นหลัก และจะเร่งรัดการใช้มาตรการทางกฎหมายต่อไป โดยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบรรดาแกนนำ เจ้าของบ้านเช่า หอพัก และผู้มีผลประโยชน์ ในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ (กรมธนารักษ์) ไปแล้วจำนวน 57 ราย


