โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง โชว์ศักยภาพผู้นำตลาดเรือยอช์ต ด้วยการนำเข้า เรือยอช์ตล็อตใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า
กรุงเทพฯ (17 มกราคม 2561) – บริษัท โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเรือยอช์ตระดับลักชัวรีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย...
- ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเรือยอช์ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- เผยเทรนด์ตลาดเรือยอช์ตปีจอมาแรง ความนิยม และไลฟ์สไตล์ใหม่ ดันยอดซื้อพุ่ง
กรุงเทพฯ (17 มกราคม 2561) – บริษัท โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเรือยอช์ตระดับลักชัวรีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์กว่า 23 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเรือยอช์ต โดยการนำเรือยอช์ตจากประเทศอังกฤษบรรทุกมากับเรือเดินสมุทรเพื่อนำมาส่งมอบให้กับลูกค้าในภูมิภาค ซึ่งนับเป็นการขนส่งเรือยอช์ตครั้งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายวริศ ยงสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า "การขนส่งเรือยอช์ตครั้งนี้ถือว่าสำคัญมาก และน่าตื่นเต้นอย่างมาก เพราะมีจำนวนเรือที่บรรทุกมามากที่สุด และมีขนาดหลากหลายตั้งแต่ความยาว 62 ฟุต จนถึง ซุปเปอร์ยอช์ตความยาว 100 ฟุต หรือ 30 เมตร โดยหนึ่งใน 9 ลำ เป็นเรือยอช์ตรุ่นใหม่ล่าสุดคือ Princess 62 ที่มีความพิเศษทั้งในด้านเทคโนโลยีการต่อเรือทำให้ลำเรือมีความเบา แข็งแรง ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และการออกแบบภายในตัวเรือที่เน้นดีไซน์ที่โปร่งตา สว่างไสว มีชีวิตชีวา แต่ยังคงความหรูหราตามแบบฉบับ Princess Yachts เอาไว้เหมือนเดิม"
นอกจากเรือยอช์ต Princess 62 แล้ว ยังมีเรือ Princess 64, Princess S65 จำนวน 2 ลำ, Princess 68, Princess 75 Motor Yacht ความยาว 80 ฟุต จำนวน 2 ลำ, Princess 88 Motor Yacht ความยาว 88 ฟุต และเรือซุปเปอร์ยอช์ต Princess 30M ความยาว 100 ฟุต โดยราคาของเรือประมาณ 80 ล้านบาทถึง 450 ล้านบาท หรือรวมทั้งหมดประมาณ 1,400 ล้านบาท
"ยอช์ตทั้ง 9 ลำนี้ ถูกลำเลียงโดยเรือเดินสมุทรจากประเทศอังกฤษ เพื่อนำมาส่งมอบให้กับลูกค้าของ โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทาง Princess Yachts ผู้ผลิตเรือยอช์ตระดับลักชัวรี่ชั้นนำของโลก ถึงกับบอกว่า นี่เป็นการขนส่งเรือครั้งใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจเรือยอช์ตของ โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง ได้เป็นอย่างดี " นายวริศ กล่าว
"นอกจากนั้น หากเราพิจารณาผลิตภัณฑ์มวลรวมเฉลี่ยต่อหัว(GDP per capita) ของประเทศไทยจะพบว่า ปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 เหรียญสหรัฐ (ราวเกือบ 2 แสนบาทต่อคน) และจากสถิติของประเทศต่างๆ ทั่วโลก เมื่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศเฉลี่ยต่อหัวเพิ่มเป็นประมาณ 10,000 เหรียญสหรัฐ จำนวนคนที่ซื้อจะเริ่มบูม เราจึงได้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างมหาศาลกับศูนย์ซ่อมบำรุงเรือบนเนื้อที่กว่า 80 ไร่ มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาทและบริการหลังการขาย เพื่อดูแลลูกค้าของเรา" นายวริศ กล่าว
"โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง ยังมีมารีน่าเป็นของเราเองที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่ง บนเนื้อที่กว่า 500 ไร่ในภูเก็ต ซึ่งสามารถรองรับเรือยอช์ตที่จอดทั้งในน้ำและบนบกกว่า 350 ลำ นอกจากนั้น เรายังมีสถานที่อำนวยความสะดวกภายในมารีน่าไว้บริการอย่างครบครัน รวมถึงศูนย์ซ่อมและบำรุงรักษาเรือยอช์ตที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีด้านการซ่อมบำรุงที่ทันสมัย มีทีมวิศวกรเฉพาะทางชาวต่างชาติ และทีมบริการมากประสบการณ์กว่า 80 คน ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับความสะดวกสบายกับบริการที่เพียบพร้อมในทุกครั้งที่มาถึง" นายวริศ กล่าว
ปัจจุบัน โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง มีสาขามากที่สุด ถึง 9 แห่งครอบคลุม 5 ประเทศ คือสาขาปีนัง ประเทศมาเลเซีย สาขาจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย สาขาสิงคโปร์ สาขามัลดีฟส์ และ 5 สาขาในประเทศไทย คือ กรุงเทพฯ พัทยา กระบี่ สมุย และภูเก็ต


