พก. รุกจ้างงานคนพิการ เปิดเวทีเสวนา “มิติใหม่ของภาคธุรกิจกับการจ้างงานคนพิการในสถานประกอบการ”

วันนี้ (3 มิ.ย. 59) เวลา 09.30 น. ที่ห้องปริ๊นซ์บอลรูม 3 อาคาร 1 ชั้น 11 โรงแรมปริ๊นพาเลซ มหานาค กรุงเทพมหานคร นายสมชาย เจริญอำนวยสุข อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา ภายใต้หัวข้อ “มิติใหม่ของภาคธุรกิจกับการจ้างงานคนพิการในสถานประกอบการ” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการอย่างถูกต้องและชัดเจน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมีนางนวลพรรณ ล่ำซ่ำ ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมอาชีพคนพิการ หอการค้าไทย เป็นผู้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน พร้อมด้วยนายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เป็นผู้กล่าวรายงานถึงบทบาทของหอการค้าไทยในการมีส่วนเสริมสร้างภาคสังคม ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมงานเสวนาประกอบด้วย เจ้าของธุรกิจ สถานประกอบการสมาชิกหอการค้าไทย สมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมจำนวนทั้งสิ้น 400 คน

นายสมชาย กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลด้านความมั่นคงของชีวิตและสังคม โดยการเสริมสร้างให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ การให้การสงเคราะห์ การจัดการศึกษา การจัดสวัสดิการ รวมถึงการจัดหาอาชีพให้แก่คนพิการ ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ ซึ่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ได้กำหนดสิทธิของคนพิการไว้อย่างครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้คนพิการไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และถือเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนในสังคมไทย

นายสมชาย กล่าวต่อไปว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) โดยกองกองทุนและส่งเสริมความเสมอภาคคนพิการ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมายร่วมกับกระทรวงแรงงาน โดยได้ขับเคลื่อนงานตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 มาตรา 33 กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐ ต้องรับคนพิการเข้าทำงานตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง ได้แก่ การให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการที่มีจำนวนลูกจ้างหรือผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปต้องรับคนพิการเข้าทำงานในอัตรา 100 : 1 มาตรา 34 กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการที่มิได้รับคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 ให้ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และมาตรา 35 กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการที่ไม่รับคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 และไม่ประสงค์จะส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 34 นั้นอาจให้สัมปทาน จัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการโดยวิธีกรณีพิเศษ ฝึกงาน หรือจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ล่ามภาษามือ หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดในระเบียบ

นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากฎกระทรวงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ในทางปฏิบัติ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการยังไม่สามารถรับคนพิการเข้าทำงานได้ครบถ้วนตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากอาจยังมีนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการบางส่วนไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีปฏิบัติอย่างถูกต้องและชัดเจน พก. จึงได้จัดการเสวนา “มิติใหม่ของภาคธุรกิจกับการจ้างงานคนพิการในสถานประกอบการ” ในครั้งนี้ขึ้น สำหรับกิจกรรมประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษและการเสวนาในประเด็นที่ผู้ประกอบการทั่วประเทศและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความสนใจ ได้แก่ การส่งเสริมการจ้างงานคนพิการในสถานประกอบการ แนวทางภาคธุรกิจกับการจ้างคนพิการในสถานประกอบการ และการเข้าถึงสิทธิคนพิการตามกฎหมายและระเบียบสำคัญที่เกี่ยวข้อง โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ บริษัทเมืองไทยประกันภัยจำกัด (มหาชน) บริษัทน้ำตาลมิตรผล จำกัด บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม และกรมการจัดหางาน

“การจัดงานเสวนาในวันนี้ จึงนับได้ว่าเป็นโอกาสอันดียิ่ง ที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมอาชีพและการจ้างงานคนพิการ ได้มาร่วมหารือเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในข้อกฎหมายขั้นตอนและวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับการจ้างงานคนพิการ และเพื่อผสานความความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจในหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกฎหมายให้แก่ผู้ประกอบการภาคธุรกิจได้ทราบและปฏิบัติอย่างถูกต้อง ให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายเรื่องการจ้างงานคนพิการมากขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดย พก. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีอาชีพ การมีงานทำของคนพิการ เพื่อมุ่งให้คนพิการมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองของคนพิการอย่างยั่งยืน เป็นการเปลี่ยนคนพิการจาก “ภาระ” ให้เป็น “พลัง” ของครอบครัว สังคม และประเทศชาติต่อไป” นายสมชาย กล่าวในตอนท้าย