สู่ยุคสมัยแห่งรถบิน เมื่อกำลังจะมีการจัดแข่งขันรถบินได้
หลายท่านคงเคยได้ยินข่าว รถบินได้ หรือ eVTOL กันมาบ้าง เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่ของใหม่แต่ได้รับการพัฒนามายาวนาน และได้รับการพูดถึงมากขึ้นหลังความสำเร็จของหลายชาติ แต่ล่าสุดเรากำลังจะล้ำไปอีกขั้น เมื่อรถบินได้กำลังจะถูกใช้ในการแข่งขัน
เมื่อพูดถึงการแข่งขันประชันความเร็วของรถยนต์ การแข่งที่เราต้องนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ คือ การแข่ง Formula1 ที่บรรดานักแข่งจะเหยียบความเร็วเต็มสปีด อาศัยชั้นเชิงและความสามารถในการชิงชัย ถือเป็นการเฟ้นหาเจ้าแห่งความเร็วที่อยู่ในใจของใครหลายคน ได้รับความนิยมแพร่หลายจนมีการจัดแข่งเกิดขึ้นทุกปี
ปัจจุบันทิศทางการพัฒนายานพาหนะเป็นไปอย่างก้าวกระโดด จากความพยายามในการผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า นำไปสู่การคิดค้น eVTOL หรือ รถบินได้ ที่ใช้พลังงานสะอาดในการขับเคลื่อน หนึ่งในความฝันที่เราได้เห็นตามสื่อบันเทิงของคนในยุคก่อนใกล้เป็นจริงเข้าทุกวัน
ล่าสุดจึงเริ่มมีการคิดค้นรถบินได้เพื่อนำมาใช้ในการแข่งขันประชันความเร็วแล้วเช่นกัน
Airspeeder Mk4 รถแข่งบินได้คันแรกของโลก
บริษัท Alauda Aeronautics ทำการเปิดตัว eVTOL รุ่นใหม่อย่าง Airspeeder Mk4 รถบินได้รุ่นใหม่ที่นอกจากใช้พลังงานสะอาด มีศักยภาพในการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนแล้ว ยังเป็นรถบินได้คันแรกที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ
รถคันนี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Airspeeder Mk3 ที่ใช้เชื้อเพลิงการบินจากแบตเตอรี่และเปิดตัวไปในปี 2021 ด้วยจุดเด่นในด้านการเป็นรถแข่งที่ได้รับการผลักดันให้ใช้พลังงานไฮโดรเจนเต็มรูปแบบ และถือเป็นรถบินได้สมรรถนะสูงที่มีความเร็วสูงสุดในปัจจุบัน
Airspeeder Mk4 มีความยาว 5.73 เมตร กว้าง 3.62 เมตร สูง 1.44 เมตร เมื่อบินขึ้นตัวรถจะมีน้ำหนักเพียง 950 กิโลกรัม ถือเป็นรถบินได้ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดเมื่อเทียบกับที่มีในท้องตลาด สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 360 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถทำความเร็วจาก 0 ไปถึงสูงสุดได้ในระยะเวลาเพียง 30 วินาที รวมถึงมีระยะขับเคลื่อนไกลสุดถึง 300 กิโลเมตร โดยไม่มีการปล่อยมลพิษออกมาโดยสิ้นเชิง
ตัวเครื่องสร้างแรงขับด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1,000 กิโลวัตต์(1,340 แรงม้า) เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการออกแบบให้ใช้กับระบบของ eVTOL และพลังงานสะอาดโดยเฉพาะ อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่า พลังงานไฮโดรเจนสามารถเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้งานได้, ปลอดภัย, มีเสถียรภาพสูง และยั่งยืน รองรับการใช้งานทั้งในความเร็วสูงและระยะทางไกล
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Airspeeder Mk4 คือ พวกเขาใช้ระบบ gimbaled thrust ในการเลี้ยวและหักโค้ง รวมถึงการควบคุมระบบการบิน 4 ใบพัดของตัวรถด้วยปัญญาประดิษฐ์ ช่วยให้สามารถเลี้ยวได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นแม้จะเป็นการขับด้วยความเร็วสูงกลางอากาศ
ทางบริษัทวางแผนไว้ว่าการแข่งขันชิงชัยเจ้าแห่งความเร็วด้วยรถบินได้จะเกิดขึ้นครั้งแรกภายในปี 2024
รถบินได้ในปัจจุบันที่ไม่ได้ไกลตัวอย่างที่คิด
สำหรับท่านที่ติดตามข่าวเทคโนโลยีและยานยนต์มาสักพักคงรู้ว่า รถบินได้ไม่ใช่เพียงเรื่องที่กำลังจะเป็นจริง แต่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องจนอยู่ในระดับใกล้ปล่อยออกมาให้ใช้งาน เมื่อการทดสอบผลิตภัณฑ์และยานพาหนะจำนวนมากเกิดขึ้นทั่วโลก บางประเทศถึงขั้นเตรียมความพร้อมจนใกล้เปิดทดลองใช้อยู่รอมร่อ
ขีดความสามารถของรถบินได้ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดบริษัท AMSL Aero ได้พัฒนาเครื่องยนต์ต้นแบบ eVTOL ให้สามารถออกบินในระยะทางไกลถึง 1,000 กิโลเมตร ทำความเร็วสูงสุดถึง 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 5 คน โดยเป็นรถบินได้ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเช่นกัน
ในส่วนของการใช้งานจริงของบรรดาผู้โดยสารทั่วไปนั้น คาดว่าหลายประเทศกำลังจะเริ่มทยอยเปิดให้ทลองใช้ในไม่ช้า เช่น บริษัท Vertaxi จากจีนเตรียมเปิดทดลองใช้งานแท็กซี่บินได้ภายในไตรมาส 2 ของปี 2023 ,Midnight ของ Archer Aviation จากสหรัฐฯ ที่จะได้รับอนุญาตจาก FAA และพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2025 ไปจนแท็กซี่บินได้ในฝรั่งเศสและสิงค์โปร์เองก็เตรียมเปิดให้บริการภายในปี 2024 เช่นกัน
คาดว่าในอนาคตการใช้งานรถบินได้นี้จะแพร่หลาย ไม่แน่ว่ามันอาจเข้ามาทดแทนยานพาหนะรุ่นเก่าอย่าง เฮลิคอปเตอร์ ที่ถือเป็นอากาศยานที่มีความคล่องตัวจากความสามารถเคลื่อนที่และลงจอดในแนวดิ่ง จนเข้ามามีบทบาทในแง่การเดินทางโดยสาร หรือแม้แต่การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ต่างๆ
แต่สำหรับคนทั่วไปรถบินได้อาจเป็นเรื่องเกินตัวไปบ้าง ทั้งสำหรับราคาค่าใช้จ่ายในการจัดหาและการบำรุงรักษา นอกจากนี้แม้นี่จะยังไม่ใช่ยานพาหนะที่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ทั้งในสหรัฐฯและสหภาพยุโรปยานพาหนะชนิดนี้ล้วนต้องได้รับการอนุญาตใช้งานจากองค์กรการบิน จึงเป็นไปได้สูงว่าการใช้งานรถบินได้จำเป็นต้องมีใบอนุญาตทางการบินก่อนเช่นกัน
ดังนั้นภาพในฝันจากสื่อบันเทิงที่รถทุกคันสามารถออกบินไปมาได้อิสระอาจเกิดขึ้นได้ยากในอนาคตอันใกล้
แม้จะน่าเสียดายไปบ้างแต่นี่ก็เป็นเพียงก้าวแรกของเทคโนโลยี เราต้องไม่ลืมว่าการพัฒนารถบินได้เพิ่งสามารถทำให้ใช้งานจริงได้ไม่นานจึงถือว่าการพัฒนาอยู่ในขั้นต้น ไม่แน่ว่าหากได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อนาคตที่รถทุกคันจะพากันบินเต็มน่านฟ้าก็อาจไม่ถึงขั้นเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
ที่มา
https://www.xinhuathai.com/vdo/342170_20230228
https://newatlas.com/aircraft/airspeeder-mk4-racing-h2-evtol/
https://interestingengineering.com/innovation/evtol-with-a-620-mile-range
https://www.posttoday.com/post-next/688057