"บิล เกตส์" หนุนสตาร์ทอัพ ผลิต SAF เชื้อเพลิงเครื่องบินชนิดใหม่ แทนที่น้ำมัน
มหาเศรษฐี "บิล เกตส์" อดีตผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ สนับสนุนสตาร์ทอัพ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลิต SAF จากแอลกอฮอล์ แทนการใช้น้ำมัน แก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน
การเปลี่ยนแอลกอฮอล์เป็นเชื้อเพลิงเครื่องบินอาจเป็นหนทางสู่การเดินทางทางอากาศที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับโลกมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ เมื่อมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างบิล เกตส์ก่อตั้ง Breakthrough Energy และได้ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การระดมทุนในโครงการ Catalyst ครั้งแรกจะอยู่ในรูปของเงินช่วยเหลือ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่โรงงาน “เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน” (sustainable aviation fuel - SAF) Freedom Pines Fuels ของ LanzaJet ในเมือง Soperton รัฐจอร์เจียสหรัฐอเมริกา
Breakthrough Energy Catalyst เป็นโครงการพิเศษที่รวบรวมธุรกิจและองค์กรไม่แสวงผลกำไรเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเป็นทุนสนับสนุนโครงการสำคัญๆ ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยเร่งการปรับใช้เทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับโลก
“Breakthrough Energy Catalyst เป็นวิถีใหม่สำหรับภาคเอกชนในการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานสะอาดโดยการให้ทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่จะรับประกันได้ว่า โซลูชันด้านสภาพอากาศที่จำเป็น (ต่อโลก) จะเข้าสู่ตลาดตามระยะเวลาที่โลกต้องการ” Rodi Guidero กรรมการบริหาร Breakthrough Energy & หุ้นส่วนผู้จัดการอธิบาย
การลงทุนด้านพลังงานที่ก้าวล้ำ โรงงานผลิตเชื้อเพลิงสำหรับการบินแบบยั่งยืนแห่งใหม่ของ LanzaJet สามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศโลก ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า งานและธุรกิจในระบบเศรษฐกิจพลังงานสะอาดสามารถให้พลังงานแก่ชุมชนได้อย่างไร
โครงการ Freedom Pines Fuels ของ LanzaJet จะเป็นโรงงาน SAF เชิงพาณิชย์แห่งแรกของบริษัท นอกจากนี้ยังจะเป็นโรงงานแห่งแรกในโลกที่ผลิต SAF จากแอลกอฮอล์สู่เครื่องบิน ซึ่งหวังว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างน้อย 70% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล โครงการมีกำหนดจะแล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2566 และนี่คือเรื่องใหญ่ของโลกเพราะในแต่ละปีประมาณ 2 ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกมาจากการบิน
เนื่องจากเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนเป็นเชื้อเพลิงแบบ "ดรอปอิน" ("drop-in" fuels) เชื้อเพลิงเหล่านี้จึงเป็นวิธีที่สำคัญยิ่งในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการบินได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เครื่องบินที่ใช้อยู่ทั่วโลกแล้ว เมื่อดำเนินการเต็มที่แล้ว โรงงานแห่งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มการผลิต SAF และนำเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนซึ่งมีราคาไม่แพงออกสู่ตลาด
โดยคาดว่าโรงงานแห่งนี้จะผลิต SAF ได้ 9 ล้านแกลลอนและดีเซลหมุนเวียน 1 ล้านแกลลอนต่อปี ซึ่งเป็นจำนวนประมาณสองเท่าของ SAF ที่ผลิตในเทคโนโลยีของ LanzaJet ของสหรัฐอเมริกา และจะสามารถใช้ได้ในสเกลที่ใหญ่กว่ามากทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกหลังจากสร้างโรงงานแล้ว นอกจากนี้โครงการอื่นๆ ที่กำลังวางแผนกันอยู่แล้วมีทั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย ซึ่งจะผลิต SAF ได้มากกว่าพันล้านแกลลอนในแต่ละปี
โครงการสีเขียวในระดับยักษ์ๆ นับเป็นเรื่องยากที่จะหาต้นทุนราคาถูกโดยเฉพาะในโครงการที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ มักประสบปัญหาในการหาทุนราคาถูก เพราะมี "เบี้ยประกันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" สูงและมักประสบปัญหาและค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
เงินทุนของ Catalyst จะสามารถลดความเสี่ยงของการลงทุนในอนาคตและเร่งการแพร่กระจายของเทคโนโลยีสะอาดโดยการให้เงินแก่โรงงานเชิงพาณิชย์ในยุคแรก ๆ เหล่านี้ ในกรณีนี้ ทุน Catalyst ช่วยให้ Freedom Pines Fuels เติมเต็มช่องว่างด้านเงินทุน ซึ่งจะช่วยให้โรงงานสามารถรักษาแผนการพัฒนาในปัจจุบันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินช่วยเหลือดังกล่าวจะส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมมากขึ้นกับ SAF ด้วยการช่วยสร้างตลาดใหม่สำหรับเอทานอลจากแหล่งที่ยั่งยืนซึ่งสามารถขยายขนาดได้และมีการปล่อยคาร์บอนต่ำ
ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีเป้าหมายว่า โรงงานจะเปลี่ยนมาใช้เอทานอลรุ่นที่สอง ซึ่งรวมถึงเอทานอลที่ทำจากขยะภายในสิ้นปีที่ห้า การเปลี่ยนแปลงนี้จะเพิ่มสิ่งที่ LanzaJet กำลังทำอยู่เพื่อสร้างโรงงาน SAF ในสหราชอาณาจักรที่ใช้เอทานอลรุ่นที่สอง และสร้างพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนาเชื้อเพลิงขั้นสูงซึ่งกำลังขาดแคลนในตลาดในขณะนี้
โรงงานเชื้อเพลิง Freedom Pines Fuels ของ LanzaJet ได้รับความช่วยเหลือจากกระทรวงพลังงานสหรัฐ, กองทุน Microsoft Climate Innovation Fund และผู้ถือหุ้นของ LanzaJet Mitsui & Co., Suncor Energy, LanzaTech, British Airways และ Shell
ทุน Catalyst จาก Breakthrough Energy เป็นส่วนเสริมที่น่ายินดีสำหรับโครงการและจะช่วยอย่างมากในการเริ่มต้นการใช้พลังงานสะอาดและดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด
SAF หรือ เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนคืออะไร?
SAF ทำจากวัตถุดิบที่มีคาร์บอนต่ำและมีความยั่งยืนหลายชนิด เช่น ของเสียจากการเกษตร ขยะมูลฝอยในเขตเทศบาล พืชที่ให้พลังงาน หรือคาร์บอนที่จับได้จากกระบวนการทางอุตสาหกรรมหรืออากาศแวดล้อม สามารถใช้แทนเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นแบบดั้งเดิมและเข้ากันได้กับเครื่องบินและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมที่ทำจากน้ำมันดิบ SAF สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ได้มากตลอดวงจรชีวิตทั้งหมด
นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศในท้องถิ่นได้อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อดีอีกประการของ SAF คือการปรับปรุงคุณภาพอากาศในท้องถิ่น เมื่อใช้งานจะสามารถลดการปล่อยมลพิษโดยตรงเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นทั่วไป เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนสามารถลดปริมาณของฝุ่นละออง (PM) ได้ถึง 90% และลดกำมะถัน (SOX) ได้ถึง 100%
เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า SAF คือเชื้อเพลิง Jet A และ Jet A-1 รุ่นที่ยั่งยืน
SAF เป็นโซลูชันแบบดรอปอินอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่าเครื่องบินสามารถขับเคลื่อนโดย SAF โดยไม่ต้องดัดแปลงใดๆ
นอกจากนี้ SAF ยังประกอบด้วยส่วนผสมของเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ตแบบธรรมดากับสารผสมที่ไม่ธรรมดาและยั่งยืนกว่า นี่คือวิธีที่สามารถทดแทนน้ำมันเครื่องบินเจ็ตธรรมดาได้ทันที
นอกจากนี้ เนื่องจาก SAF เป็นศัพท์ที่ค่อนข้างใหม่ จึงมีชื่อเรียกอื่นด้วย เช่น เชื้อเพลิงไบโอเจ็ท น้ำมันก๊าดชีวภาพ เจ็ททางเลือก เป็นต้น
เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนผลิตจากชีวมวลหรือคาร์บอนรีไซเคิล ส่วนผสมเหล่านี้เป็นไปตามมาตรฐานความยั่งยืนที่เข้มงวดในด้านการใช้ที่ดิน น้ำ และพลังงาน
นอกจากนี้ SAF ยังหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินทั้งทางตรงและทางอ้อม ตัวอย่างเช่น การตัดไม้ทำลายป่าในเขตร้อนไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อการผลิต SAF นอกจากนี้ การผลิต SAFs ไม่ได้แทนที่หรือแข่งขันกับพืชอาหาร ส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในทางบวก
ในแง่ของการผลิต SAF มาจากแหล่งที่หลากหลาย เช่น จากน้ำมันปรุงอาหาร หรือน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว ขยะมูลฝอยชุมชน เศษไม้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ก๊าซเสียร่วมกับน้ำตาลและสารชีวมวลจากพืชที่ปลูกตามวัตถุประสงค์ได้
ทำไมต้องใช้ SAF ?
แรงจูงใจในการใช้ SAF นั้นชัดเจน ก็เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่การบินมีต่อโลก
เชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืนเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
- SAFs ผลิตจากวัตถุดิบและของเสียที่หลากหลาย ปัจจุบันมี 7 แหล่งหลักที่สามารถนำไปสู่การผลิต SAF คือ
- เซลลูโลส – คือเศษไม้ส่วนเกินจากการเกษตรและป่าไม้
- น้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้ว – มักมาจากไขมันพืชหรือสัตว์ที่นำมาประกอบอาหาร
- คาเมลิน่า – เป็นพืชพลังงานที่มีปริมาณน้ำมันไขมันสูง มักปลูกเป็นพืชหมุนเวียนที่เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยข้าวสาลีและพืชธัญพืชอื่นๆ
- สบู่ดำ – พืชที่ผลิตน้ำมันไขมันที่กินไม่ได้
- Halophytes – หญ้าบ่อเกลือ
- ตะไคร่น้ำ – พืชขนาดเล็กที่สามารถปลูกในน้ำเสียหรือน้ำเค็ม ทะเลทราย และสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวยอื่นๆ สาหร่ายเจริญเติบโตจากคาร์บอนไดออกไซด์
- ขยะมูลฝอยชุมชน – เป็นขยะจากครัวเรือนและธุรกิจเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า และขวด
อ้างอิง:
https://fortune.com/2022/10/19/bill-gates-grant-lanzajet-sustainable-jet-fuel-cheap-as-fossil-fuel/
https://interestingengineering.com/innovation/breakthrough-energy-lanzajet-funding