posttoday

วิกฤต! ‘ซอสศรีราชา’ ขาดตลาดหนัก สภาพอากาศส่งผลกระทบผลผลิต

14 กรกฎาคม 2565

วิกฤตอาหารโลกเริ่มลุกลาม จากพื้นที่ที่เคยเพาะปลูกทางการเกษตรได้ก็ไม่เป็นดังเดิม เดือดร้อนยันพื้นที่เพาะปลูกพริกของแบรนด์ดัง ‘ซอสพริกศรีราชา’ ที่ออกมาประกาศว่าสภาพอากาศแปรปรวนเล่นงานผลผลิตเรียบ จนอาจไม่สามารถผลิตซอสได้อีกต่อไป!

          วิกฤตการการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ หรือ Climate Change นับวันยิ่งเห็นได้ชัดว่าส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและปากท้องของเรามากขนาดไหน และล่าสุดแฟนอาหารเอเชีย หรือผู้หลงไหลในซอสพริกอาจต้องมีคอตกกันบ้างเมื่อ Huy Fong Foods ออกประกาศอย่างเป็นทางการว่า ‘ซอสพริกศรีราชา’ กำลังขาดแคลนหนักและจะไม่รับออเดอร์ใดๆเพิ่มจนถึงเดือนกันยายนนี้ ส่งผลให้ร้านอาหารเอเชียทั่วออสเตรเลียและสหรัฐฯ จะไม่มีซอสชนิดนี้ไว้ให้บริการอีกต่อไป

วิกฤต! ‘ซอสศรีราชา’ ขาดตลาดหนัก สภาพอากาศส่งผลกระทบผลผลิต

ทำไม ‘ซอสพริกศรีราชา’ ถึงเป็นที่นิยมไปทั่วโลก?

 

          ขึ้นชื่อว่า ‘ซอสพริกศรีราชา’ เชื่อว่าคนไทยเราเองคงรู้สึกคุ้นเคยกันมาเป็นอย่างดี แต่ทำไมกันนะ ตามร้านอาหารเอเชียในต่างประเทศ ขวดซอสพริกศรีราชากลับกลายเป็นภาษาเวียดนามเสียอย่างนั้น? แล้วซอสพริกที่ชื่อไทย แต่เขียนด้วยภาษาเวียดนาม แต่ดันไปสร้างชื่อในอเมริกา? แต่ละอย่างมันมีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร?

          ซอสพริกศรีราชาที่ในอเมริกาคลั่งไคล้กันอย่างมาก เป็นซอสพริกจากบริษัท Huy Fong Foods โดยเดวิด ตรัน (David Tran) ชายชาวเวียดนามที่เริ่มทำซอสขายตั้งแต่ปี 1975 แต่รู้หรือไม่ว่าซอสชนิดแรกที่เขาคิดค้นไม่ใช่ซอสพริกแต่เป็นซอสสาเต๊ะพริกไท (Pepper Sa-te) จนกระทั่งสงครามเวียดนามเริ่มรุกรานในปี 1979 เดวิดต้องอพยพย้ายถิ่นฐานมายังสหรัฐฯ และเริ่มลงหลังปักฐานขยายธุรกิจซอสบนแผ่นดินมหาอำนาจของโลก

 

          เขาเริ่มคิดค้นและทดลองทำซอสหลายประเภท ทั้งซอสซัมบัล ซอสพริกกระเทียม แต่หนึ่งสิ่งเลยที่เขาค้นพบคือเขาไม่สามารถหาซอสพริกที่อร่อยในอเมริกาได้! ซึ่งชาวเอเชียหลายคนในย่านนั้นก็กำลังประสบปัญหาเช่นเดียวกัน เดวิดจึงเริ่มคิดค้นสูตรซอสพริกขึ้นด้วยตัวของเขาเองโดยการนำส่วนผสมในท้องถิ่นมาปรับใช้ให้เหมาะสม เช่น พริกจาลาปิโน น้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือ และกระเทียม แน่นอนว่าสูตรของเขาดัดแปลงและได้รับแรงบันดาลใจมาจากซอสพริกของไทยที่เขาชื่นชอบด้วย

          การเกิดขึ้นของซอสพริกจากบริษัท Huy Fong Foods ถือว่าตอบโจทย์ชาวเอเชียที่อาศัยในสหรัฐฯเป็นอย่างมาก จนร้านอาหารใหญ่ๆเริ่มนำเข้ามาใช้มากขึ้น แต่ความอร่อยแบบปากต่อปากยังไม่หยุดแค่นี้ Huy Fong Foods ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆในระดับที่คนดังในแวดวงอาหารต้องเข้ามาร่วมและทำธุรกิจด้วย

          ในปัจจุบัน Huy Fong Foods ยังร่วมมือกับบริษัทด้านอุตสาหกรรมอื่นๆอย่าง Burger King ที่สรรค์สร้างเมนูโดยมีซอสพริกศรีราชาเป็นส่วนผสม เพราะเหตุนี้ซอสพริกศรีราชาจึงไปไกลกว่าคำว่าซอสมาก ด้วยตัวแบรนด์ที่แทรกซึมอยู่ในอุตสาหกรรมอาหารจนแทบแยกกันไม่ออก ซึ่งทางตัวเดวิด ออกมาพูดเองว่าเขาเริ่มธุรกิจนี้แบบไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ความฝันของเขาไม่ใช่การเป็นเศรษฐีในดินแดนอเมริกา แต่เขาทำธุรกิจนี้แค่เพราะโหยหารสชาติซอสพริกแบบสดใหม่ และเผ็ดร้อน ก็เท่านั้นเอง

วิกฤต! ‘ซอสศรีราชา’ ขาดตลาดหนัก สภาพอากาศส่งผลกระทบผลผลิต

 

 

แรงบันดาลใจจากไทย แต่ทำกำไรในต่างประเทศ

 

          หากจะพูดถึงต้นกำเนิดของชื่อซอส คาดว่าใครหลายๆคนก็ต้องสงสัยกันเป็นแน่แท้ จากคำบอกเล่าปากต่อปาก บ้างเชื่อกันว่าผู้สรรค์สร้างซอสศรีราชาขึ้นมาเป็นคนแรกคือ ‘กิมซัว ทิมกระจ่าง’ ที่ได้เดินทางไปหลายประเทศและนำซอสต่างๆที่โดดเด่นของประเทศนั้นมาผสานรสชาติให้มีครบทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน จนเกิดเป็นซอสศรีราชาขึ้นมา

          แต่บ้างก็เชื่อว่า ‘ถนอม จักกะพาก’ ต่างหาก ที่เป็นคนแรกในการคิดค้นแถมเธอยังผู้หญิงเสียด้วย! ใจความของเรื่องนี้บอกเล่าไว้ว่า เธอเป็นคนที่ปรุงซอสโดยใช้พริกและกระเทียมในท้องถิ่น (ขณะนั้นเธออยู่ที่ศรีราชา) ให้ญาติมิตรคนสนิทได้ลิ้มลอง และได้ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ตามชื่อเมือง

          ทางฝั่งของ เดวิด ตรัน เจ้าของ Huy Fong Foods กลับบอกว่าที่เขาเลือกใช้ชื่อ ‘ศรีราชา’ เพราะมาจากเรือ ‘Shiracha’ เรืออีกลำหนึ่งที่เข้าใช้โดยสารในขณะอพยพย้ายถิ่นฐานมายังสหรัฐอเมริกา ปัญหาดันมาเกิดขึ้นเมื่อเขาต้องการที่จะจดลิขสิทธิ์ชื่อแบรนด์ศรีราชาในสหรัฐฯ แต่ฝันเป็นอันต้องดับไปเพราะศรีราชาเป็นสถานที่ที่มีในโลกจริงๆ เดวิดจึงไม่สามารถจดลิขสิทธิ์ได้ และทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Heinz สามารถผลิตซอสออกมาในชื่อศรีราชาได้ด้วยเช่นกัน

วิกฤต! ‘ซอสศรีราชา’ ขาดตลาดหนัก สภาพอากาศส่งผลกระทบผลผลิต

วัตถุดิบลด ซอสขาดแคลน วิกฤตอาหารโลก?

 

          ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แฟนๆซอสพริกศรีราชาต้องเผชิญกับข่าวสุดสะเทือนใจ เมื่อ Huy Fong Foods ออกแถลงการณ์ว่า ถือเป็นหนึ่งในโชคร้ายที่ผลิตภัณฑ์ซอสพริกศรีราชากำลังเจอกับมรสุมการขาดแคลนครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตั้งแต่การระบาดของไวรัสโควิด-19ในช่วงแรกจนถึงปัจจุบัน การขาดแคลน ‘พริก’ ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบหลักเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน ที่นอกจากส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของพริกแล้ว ยังไม่สามารถเพาะปลูกให้ทันกับตามความต้องการในตลาดได้

          ปัญหาการขาดแคลนดังกล่าวส่งผลให้ร้านอาหารเอเชียหลายแห่ง ไม่มีบริการซอสพริกศรีราชาฟรีอีกต่อไป บรรดามิตรรักแฟนคลับซอสก็เริ่มเกิดการกักตุนซอสพริกศรีราชาเผื่อไว้ในอนาคต แถมบางคนยังออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อโซเชี่ยลอย่างทวิตเตอร์ว่า ‘การขาดแคลนซอสพริกศรีราชานั้น เป็นเหมือนสัญญาณของวันสิ้นโลก’

          การศึกษาของผู้เชี่ยวชาญจาก National Autonomous University of Mexico's ชี้ว่า การเพาะปลูกพริกในปีนี้ต้องยอมรับเลยว่าเป็นไปได้ยากมากจริงๆ เพราะสภาพอากาศมีความแห้งแล้งกว่าแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง ซึ่งหากภัยแล้งยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ ก็มีเกณฑ์ที่ราคาอาหารอื่นๆอย่าง อะโวคาโด มะเขือเทศ ไปจนถึงกระทั่งเนื้อสัตว์ จะพุ่งสูงขึ้นมากจากการขาดแคลน ซึ่งในช่วง 22 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ทางเม็กซิโกตอนเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ต้องพบกับวิกฤตภัยแล้งรุนแรงที่เกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ

          ภาวะ Climate Change หรือ วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภัยแล้งหรือไม่? จากข้อมูลที่มีในปัจจุบันอาจยังตอบได้ไม่เต็มปากนัก แต่เราก็เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าวิกฤตที่ว่าทำให้หลายพื้นที่ฝนไม่ตกตามฤดูกาล และส่งผลทวีความรุนแรงกับเรื่องภัยแล้งมากแค่ไหน ดังนั้นการช่วยกันลดอุณหภูมิโลกยังถือเป็นหนึ่งในวิธีสำคัญที่จะกอบกู้วิกฤตนี้ และทำให้ครัวไทยไม่ขาดแคลนซอสที่เป็นดั่งตัวช่วยชูโรงในรสชาติอาหาร

 

ข้อมูลอ้างอิง:

 

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"