แค่วัวเรอยังเสียภาษี! นโยบายช่วยโลกจากนิวซีแลนด์ ลดมีเทนจากน้องวัว
นิวซีแลนด์เล็งเก็บภาษีจากการเรอของวัวและแกะ เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน ตัวการใหญ่ที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน!
‘นิวซีแลนด์’ ประเทศเล็กๆที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีจำนวนฝูงวัวและแกะมากกว่าประชากรในประเทศ ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศล้วนมาจากก๊าซมีเทนจากการเรอของวัวและการปศุสัตว์ทั้งสิ้น
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วรัฐบาลนิวซีแลนด์จึงจ่อเก็บ ‘ภาษีเรอ’ ที่ใครได้ยินอาจต้องมีคิ้วขมวดกันบ้าง เนื่องจากการเรอของวัว ควาย และแกะ นั้นปล่อยก๊าซมีเทนจำนวนมหาศาลที่ส่งผลต่อวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (Climate Change) ร่างกฎหมายนี้จึงออกมาเพื่อช่วยโลกและสิ่งแวดล้อม รวมถึงเพื่อบรรลุเป้าหมายในการลงนามจากการประชุม COP26 ที่ผ่านมา
ก๊าซมีเทนกับ Climate Change สัมพันธ์กันอย่างไร
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าก๊าซมีเทนนั้นส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ถึง 85 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซมีเทนจากการเรอของวัว เป็นอันตรายต่อโลกกว่าการปล่อยมีเทนจากรถยนต์ทุกคันบนถนนรวมกันเสียอีก
ข้อมูลจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ยังระบุว่ากระบวนการย่อยอาหารของวัวจากหญ้า เอื้อง และอาหารต่างๆที่พวกมันกินเข้าไป จะถูกย่อยสลาย หมัก จากนั้นก็เรอออกมาเป็นก๊าซมีเทนที่มีผลต่อภาวะก๊าซเรือนกระจกมากถึง 39 % ของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ทั่วโลก
แต่เมื่อเทียบกับคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ก๊าซมีเทนที่ถูกปล่อยจะคงอยู่ในชั้นบรรยากาศราว 12 ปีก่อนที่จะค่อย ๆ สลายไป ในขณะที่คาร์บอนไดออกไซด์ที่จะคงอยู่ในชั้นบรรยากาศยาวนานกว่านับ 100 ปี เพราะฉะนั้นความพยายามผลักดันเพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนดูจะมีความเป็นไปได้มากกว่าและเร็วกว่าความพยายามลดระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งหากประเทศต่างๆให้ความร่วมมือและทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จะช่วยชะลอไม่ให้อุณหภูมิโลกพุ่งสูงทะลักจนเกินไป ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
นโยบายช่วยโลกจากนิวซีแลนด์ จัดเก็บ ‘ภาษีการเรอ’
ข้อมูลจาก BBC ระบุว่านิวซีแลนด์มีประชากรในประเทศราว 5 ล้านคน แต่กลับมีประชากรวัวมากถึง 10 ล้านตัว และแกะอีก 26 ล้านตัว ซึ่งแม้นิวซีแลนด์จะมีโครงการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากมาย แต่อุตสาหกรรมการเกษตรในประเทศกลับมีแนวทางปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับโครงการเท่าไหร่นัก
“เราจำเป็นต้องลดการปล่อยมลพิษในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงภาคการเกษตรด้วย เราจำเป็นต้องลดปริมาณก๊าซมีเทนที่เราปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ และวางระบบการกำหนดราคาการปล่อยมลพิษที่มีประสิทธิภาพ”
James Shaw รัฐมนตรีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของนิวซีแลนด์กล่าว ซึ่งหากร่างกฎหมายนี้สำเร็จ รัฐบาลจะเริ่มเรียกเก็บภาษีจากเกษตรกรในปี 2025
“เราได้ร่วมหารือกับรัฐบาลและองค์กรอื่นๆมานานหลายปี เพื่อหาแนวทางร่วมกันโดยไม่ต้องยกเลิกการทำเกษตรกรรม ดังนั้นเราจะลงชื่อในข้อเสนอที่เราพึงพอใจมากที่สุด”
Andrew Hoggard เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและประธานสหพันธ์ชาวนาแห่งนิวซีแลนด์ให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงนโยบายนี้
แผนดังกล่าวยังมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพในการลดก๊าซมีเทนด้านอื่นๆของการเกษตรกรรม เช่นการเปลี่ยนมาให้สาหร่ายแทนอาหารหลักเพื่อลดก๊าซมีเทนจากการเรอของวัว ตลอดจนการปลูกต้นไม้ในฟาร์มเพิ่มเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในส่วนของภาษีที่จ่อจัดเก็บ รัฐบาลนิวซีแลนด์ตั้งเป้าว่าจะนำไปใช้กับงานวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ต่อไป
ปัจจุบันนิวซีแลนด์มีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากการเกษตรลง 27% (จากเดิม 24%) ภายในปี 2050 ซึ่งหากแนวคิดดังกล่าวหาแนวทางร่วมกันได้อย่างลุล่วงแล้ว รัฐบาลจะจัดทำแผนนโยบายอย่างเป็นทางการภายในเดือนธันวาคม 2022 นี้
กฎหมายสิ่งแวดล้อมบังคับใช้ที่แรก
นิวซีแลนด์ถือเป็นประเทศแรกๆในโลกที่มีกฎหมายโลกร้อนขึ้นมาบังคับใช้ คือ “พระราชบัญญัติการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ค.ศ. 2002 (Climate Change Response Act 2002)” ซึ่งในพรบ.ฉบับนี้ช่วยให้นิวซีแลนด์สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญไม่แพ้กันของพรบ.นี้คือ ‘การเรียกเก็บภาษีจากการใช้สารที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก (Synthetic Greenhouse Gas Levy)’ ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาที่ดีและมีประสิทธิภาพกว่าการเก็บภาษีคาร์บอนที่เรียกเก็บจากปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาแล้ว ซึ่งดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายทาง แต่การเรียกเก็บภาษีจากสารตั้งต้นนี้ จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดก๊าซเรือนกระจกขึ้นอีกเลย
แม้ฟังดูแล้วตรากฎหมายฉบับนี้จะดูเข้าที่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรม ‘พระราชบัญญัติการจัดการทรัพยากร ค.ศ. 1991 (Resource Management Act 1991)’ จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกฉบับ เพื่อแก้ปัญหาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดยต้องไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมถึงหน่วยงานเล็กๆต่างภูมิภาคในประเทศนิวซีแลนด์ยังมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลปัญหาโลกร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบโดยทั่วกัน ทำให้ความรู้ต่างๆกระจายไปได้อย่างง่ายดาย ทุกคนมีความตระหนักและยินดีร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ด้วยเหตุนี้การจัดการสิ่งแวดล้อมในนิวซีแลนด์จึงดำเนินไปอย่างเป็นระบบ และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประเทศนี้ยังคงรักษาความสวยงามของธรรมชาติไว้ได้จนถึงทุกวันนี้ และคาดว่าจะเบ่งบานสวยงามต่อไปในอนาคตเช่นเดียวกัน
ข้อมูลอ้างอิง
- https://www.ecowatch.com/new-zealand-livestock-methane-emissions.html
- https://www.npr.org/2022/06/09/1104014587/new-zealand-announces-world-first-plan-to-tax-cow-and-sheep-burps
- https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/113902
- https://www.wbbjtv.com/2020/02/18/new-device-targets-harmful-cow-habit/?fbclid=IwAR1Bv6dH-4hh6DVSq9cK1_jaHwOhN6wgVAWMt2LJwIoxdU78f9YXrWfZsS8


