นักดนตรี ผีบ้า และไม้ขีดไฟ: ค่าตอบแทนหลักพัน (ภาคจบ)
ไม่ว่าคุณจะเล่นเก่งแค่ไหน ฝีมือดีอย่างไร หากไม่ใช่คนมีชื่อเสียงปัญหาเรื่องค่าตัวในการเล่นดนตรีก็มักจะเกิดขึ้นเสมอ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดราคาในวงการ ค่าจ้างที่ดูไม่ค่อยเป็นธรรม หรืองานน้ำใจก็มีให้เห็นบ่อย ๆ แต่ทำไมนักดนตรีอีกไม่น้อยถึงยังคงรับงานกันอยู่?
Highlights:
- แม้ว่าดนตรีจะมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าซาวน์แทรค เพลงประกอบต่าง ๆ แต่ค่าตอบแทนนั้นอาจไม่ได้มีมาตรฐานที่ตายตัว
- มาตรฐานในวงการดนตรีจับต้องยากเนื่องจากเกี่ยวข้องกับความชอบและรสนิยม แต่ในประเด็นทางเทคนิคยังสามารถจับต้องได้อยู่
- ใบประกาศหลักสูตรทางดนตรีหรือปริญญาอาจไม่ได้สร้างแต้มต่อให้คนที่มีเท่าไหร่ในสถานการณ์จริง
- แม้จะมีการลงทุนไปกับดนตรีอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วค่าตอบแทนส่วนใหญ่ในประเทศไทยอาจมีจำนวนที่ไม่มากเพียงพอต่อภาระการใช้จ่ายในชีวิต
- ดนตรีในประเทศไทยมีความไม่มั่นคงสูง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทัศนคติและมุมมองจากภาครัฐ ซึ่งในช่วงเวลาปัจจุบันถูกกระทำซ้ำด้วยการระบาดของ COVID-19
- การ Re-skill สำหรับนักดนตรีเป็นไปได้แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน
- อุดมการณ์กินไม่ได้ นักดนตรีจำนวนไม่น้อยจึงต้องมีอาชีพหลักและเล่นดนตรีเป็นอาชีพเสริมหรืองานอดิเรก
- คนที่เป็นตัวจริงในวงการสามารถทำงานต่อไปได้เรื่อย ๆ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญ มีชื่อเสียง และได้รับความไว้วางใจสูง ซึ่งคนเหล่านี้ที่โดดเด่นมีจำนวนไม่มาก
- ที่หลาย ๆ คนยังเล่นดนตรีอยู่เพราะยังรักในดนตรี และบางคนที่ต้องหากินกับดนตรีก็ต้องบินไปหาเงินที่ต่างประเทศแทน
--------------------
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง: นักดนตรี ผีบ้า และไม้ขีดไฟ: ลงทุนหลักแสน (ภาคต้น)
หลังจากที่เราพอจะรู้กันไปแล้วว่าต้นทุนสำหรับการเล่นดนตรี หรือการเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านดนตรีนั้นสามารถมีอะไรเป็นส่วนประกอบได้บ้าง แต่สมการที่ยังไม่ถูกเติมเต็มนั้น คือ การลงทุนที่ว่าจะสามารถหาเงินได้เท่าไหร่ แล้วทำไมผู้คนถึงยังคงทำงานหรือวนเวียนกันอยู่ในสายงานนี้อยู่
ค่าตอบแทนหลักพัน
พอจะจินตนาการต้นทุนคนเล่นดนตรี คนเรียนดนตรี หรือคนที่ทำงานในวงการดนตรีออกบ้างหรือยังครับ? ต้นทุนเหล่านี้ไม่ได้งอกเงยจากดินหรือสังเคราะห์ได้จากดวงอาทิตย์ แต่มันต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อของใครบ้างคนในการผลักดันให้สิ่งเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมา งานดนตรีเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความเข้าใจในดนตรี การฝึกซ้อม เซนส์ทางดนตรี หรือเรื่องที่แข่งกันไม่ได้อย่างรสนิยมทางดนตรี ของบางอย่างฝึกได้ ของบางอย่างต้องเจอต้องสัมผัสถึงจะเข้าใจ
เหมือนคนที่ไม่เคยกินซูชิ Omakase ก็คงไม่อาจเข้าใจรสสัมผัสของวัตถุดิบและความบรรจงของเชฟในการรังสรรค์อาหารว่าแตกต่างจากของหลักร้อยที่ขายกันทั่วไปตามบุฟเฟต์อย่างไร ต่างกันเพราะอะไร
ความแตกต่างของประสบการณ์ที่จะผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือเข้าใจความแตกต่างนั้นเป็นสิ่งที่นักดนตรีต้องรับรู้ด้วยตัวเอง บางคนหัวไวก็โชคดีหน่อย บางคนหัวช้าต้องเจ็บแล้วถึงจำก็ลำบากไป แล้วผลลัพธ์ของการเรียนรู้และการลงทุนเหล่านี้จะผลิดอกออกผลเป็นอย่างไรพอทราบไหมครับ?
ถ้าคุณได้สอนตามโรงเรียนดนตรีทั่ว ๆ ไป สอนเด็กเป็นกลุ่ม เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วค่าสอนกีตาร์ต่อหัวอยู่ที่ 90 บาท ซึ่งไม่จำเป็นว่าคลาสนึงจะมีคนเรียนหลายคน บางทีก็มีคนเดียวหรือทั้งวันมีสี่ห้าคนแต่กระจายกันมาก็ต้องนั่งรอกันไป ในขณะที่การสอนแบบ Private ผู้สอนมักจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ในขณะที่การรับจ้างเล่นงานอีเวนท์ต่าง ๆ ก็จะมีราคาที่ตกลงกันแตกต่างกันตามจำนวนเครื่องดนตรี มีเครื่องเสียงให้ไหม ยกตัวอย่างเช่น งานแต่งงานอาจจะมีค่าตอบแทนที่พอรับกันได้ในระดับต่ำ ๆ หน่อย อยู่ที่ 4,000 - 5,000 บาทต่อคนต่องาน ในขณะที่เล่นกลางคืนราคาจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่เล่นเป็นเบรค เบรคละประมาณ 45 - 60 นาที
ปัญหาสำหรับงานแสดงที่เกิดขึ้นและได้ยินเพื่อน ๆ พูดถึงกันบ่อย ๆ คือ ปัญหาด้านมาตรฐานราคาที่ไม่นิ่ง ปัญหาการตัดราคา หลายครั้งที่ผู้ประกอบการร้านไม่เข้าใจในต้นทุนการเล่นดนตรี แต่อยากได้ราคาถูก เช่น เล่นสดสองคนรอบหัวค่ำร้านอาหารให้คนละ 170 บาท จนจบงานและชี้ไปที่สุภาพสตรีบนเวทีเล่นเบสพร้อมเปิดมิดี้คาราโอเกะคลอไปแล้วพูดว่า “3 ชั่วโมง 350 บาท”
เมื่อร้านอยากได้ราคาถูกนักดนตรีหน้าใหม่หรือคนที่อยากเล่นหาเงินเล่นเล็กๆ น้อย เป็นงานอดิเรกก็สามารถตัดราคาได้ง่าย นักดนตรีอาชีพที่มีมาตรฐานมีความเชี่ยวชาญ มีการลงทุน ก็ถูกตัดราคาลงไปโดยปริยาย จากราคาพันกว่า ๆ อาจเหลือเพียงไม่กี่ร้อยได้ง่าย ๆ ภายใต้สิ่งที่เกิดขึ้น
แม้แต่งานสอนในมหาวิทยาลัยเอง หากเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐเงื่อนไขหลักในยุคสมัยนี้ คือ วุฒิปริญญาเอก หากยังไม่มีก็ต้องมีแผนไปเรียนต่อ โดยวุฒิปริญญาโทนั้นมีค่าตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 26,000 บาท และปริญญาเอกอยู่ที่ประมาณ 31,000 บาท ซึ่งอัตราเหล่านี้ถือว่าดีขึ้นกว่าสมัยก่อนมากที่ปริญญาโทนั้นได้ไม่เกิน 25,000 บาท และปริญญาเอกไม่เกิน 30,000 บาท
ในขณะที่ภาระงานนอกเหนือไปจากการสอนยังมีภาระงานด้านการวิจัยและมคอ. ซึ่งการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยสมัยนี้ก็อยู่ในฐานะพนักงานมหาวิทยาลัยไม่ใช่ข้าราชการ สิทธิ์ต่าง ๆ จึงไม่ต่างจากเอกชนทั่ว ๆ ไปเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความเป็นระบบราชการความชัดเจนของขอบเขตหน้าที่จะจับต้องได้ยากกว่าเอกชนในทางปฏิบัติ และด้วยความที่มีตลาดงานจำเพาะสูง จำนวนคนในระบบเลยมีจำกัด นั่นหมายความว่าถ้าคนรุ่นเก่าไม่ถอนตัว ไม่เกษียณ คนหน้าใหม่ก็แทบไม่มีโอกาสในการเข้าไปในตลาดงานสอนของมหาวิทยาลัยได้เลยนอกจากเป็นอาจารย์พิเศษเป็นกรณี ๆ ไป
อีกประเด็นหนึ่งที่คล้ายกันกับปัญหาการตัดราคา คือ การที่นักศึกษาที่จบดนตรีมาโดยตรงนั้นแทบไม่มีภาษีใด ๆ ที่แตกต่างจากคนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนดนตรีโดยตรงเลย ถ้าคุณไปสอนพิเศษในโรงเรียนดนตรีคุณก็ได้เงินตอบแทนเท่ากัน แม้ว่าจะมีทักษะที่มากกว่า องค์ความรู้ที่กว้างและลึกกว่า แต่คุณสมบัติเหล่านี้ก็ไม่ได้ช่วยในการตัดสินใจสำหรับผู้ว่าจ้างสักเท่าไหร่ เพราะบางเรื่องนั้นเซนส์หรือรสนิยมที่ตรงเป้ากลับมีมูลค่ามากกว่าคุณสมบัติที่มี ดังนั้นคนที่เรียนดนตรีอย่างเข้มข้นในระดับปริญญานั้นอาจจะไม่ได้มีภาษีเท่าไหร่ในการใช้งานจริง ยิ่งสถาบันที่ไม่ได้ส่งนักศึกษาออกไปฝึกงานไปทำความรู้จักกับผู้คนยิ่งแล้วใหญ่ การยอมรับ ความเชื่อถือต่าง ๆ ย่อมไม่เกิดขึ้น และเมื่อการขับเคลื่อนของวงการดนตรีในไทยที่เป็นการแนะนำปากต่อปากเสียเป็นส่วนใหญ่ คนที่มีความแตกต่างหรือมีความสามารถแต่ไม่มีเส้นสายความรู้จักใด ๆ จึงหาความก้าวหน้าได้ยาก
นักดนตรีไทยกับความไม่แน่นอนจากระดับโครงสร้าง
นักดนตรีหรือคนที่ทำงานด้านดนตรีในปัจจุบันต่างอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากจากการระบาดของ COVID-19 การแสดงและกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง บ้างล้มหาย บ้างลดปริมาณลงจนต้องโยกย้ายถิ่นไปหางานแสดงที่ต่างประเทศ ในขณะที่คนที่ยังอยู่ก็ต้องสู้กับสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักกันต่อไป ด้วยเหตุนี้นักดนตรีจำนวนหนึ่งจึงได้ผันตัวไปทำอาชีพอื่น ๆ เพื่อหาเลี้ยงชีพ บ้างรอวันที่จะได้กลับมาเล่นอีกครั้ง บ้างก็เป็นการเปลี่ยนแปลงถาวร
การ Disruption ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เห็นได้ชัดว่าสายงานด้านดนตรีในประเทศไทยนั้นมีความอ่อนไหวแค่ไหน เริ่มตั้งแต่สายตาของภาครัฐที่มองคนดนตรีเป็นอาชีพชายขอบ ไม่มีหลักประกันใด ๆ ไม่มีการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นพร้อมที่จะตัดทิ้งเป็นอาชีพแรกโดยไม่ได้พิจารณามูลเหตุอย่างครบถ้วน ไม่มีการแก้ปัญหาเชิงนโยบายที่สมเหตุสมผล
แต่ในทางกลับกันเมื่อต้องการเสริมสร้างแรงใจต้องการการสนับสนุนในงานกิจกรรมต่าง ๆ ดนตรีกลับถูกเลือกใช้เป็นสิ่งแรก ๆ การทุ่มเทและใช้ชีวิตเพื่อดนตรีในประเทศไทยได้อย่างเต็มตัวนั้นจึงเกิดขึ้นได้กับคนเพียงส่วนน้อย ส่วนหนึ่งทำงานเบื้องหลัง บางส่วนเป็นศิลปินที่มีค่ายหรือแพลตฟอร์มรองรับ อีกส่วนหนึ่งก็เป็นครูบาอาจารย์ในระบบการศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยซึ่งอิ่มตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักดนตรีที่พบเห็นได้อีกไม่น้อยจึงต้องหาเลี้ยงชีพด้วยทักษะอื่น ๆ และอาศัยดนตรีเป็นอาชีพเสริม หรือบางรายใช้ดนตรีเพื่อเติมเต็มความฝันโดยไม่ต้องผูกติดอยู่กับความต้องการของตลาด
ปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการดนตรีไม่ว่าจะเป็นการตัดราคา แนวเพลง มาตรฐานต่าง ๆ เป็นเพราะว่าดนตรีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของศิลปะ และศิลปะนี้เองที่มีมูลค่าไม่แน่นอนสุด ๆ เหมือนการซื้อขาย NFT ที่มีราคาแกว่งอย่างมาก มีทั้งปั่นราคาและกดราคา การสร้างความน่าเชื่อถือปลอมก็เคยเกิดขึ้น การวางมาตรฐานที่ชัดเจนบนสิ่งที่เรียกว่ารสนิยมอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็สามารถระบุได้ว่าในทิศทางของศิลปะหรือดนตรีแบบนั้นคุณภาพการเล่นมันเป็นอย่างไร คุณภาพการบันทึก การ Mix หรือแม้แต่โทนต่าง ๆ ซึ่งดนตรีแต่ละแนวก็จะมีแกนกลางเป็นกระดูกสันหลังอยู่ การยึดแก่นเหล่านั้นอาจพอเป็นมาตรฐานในด้านไอเดียได้ ‘บ้าง’ แต่มาตรฐานสำหรับการบันทึกเสียง การเผยแพร่ หรืองานที่มีลักษณะเป็นงานด้านเทคนิคนั้นสามารถวางรากฐานได้อย่างชัดเจน อย่างน้อยใบประกาศนียบัตรการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ก็สามารถใช้ได้ แต่มาตรฐานเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเกิดขึ้นจากความร่วมมือกันของคนในวงการดนตรีเพื่อกำหนดเรทต่าง ๆ ให้ชัดเจนและเป็นธรรม
ถ้าชีวิตมันยากแล้วทำไมถึงยังเล่นดนตรีกันอยู่?
สำหรับบางคนแล้วการเล่นดนตรีเป็นเหมือนความฝัน เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นลมหายใจให้ชีวิตสามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ แต่ด้วยเงื่อนไขชีวิตที่แตกต่างกันออกไป แต่ละคนจึงมีโอกาสในการเข้าถึงดนตรีได้แตกต่างกัน บางคนสามารถหาเลี้ยงชีพจากดนตรีได้ บางคนไม่อยากจะทำแบบนั้น ในขณะที่บางคนทำได้แค่ฟังเพลงก็ไม่มีเวลาแล้ว
หลายคนอาจมองภาพนักดนตรีมาแล้วน่าสนุก ชีวิตรื่นรมย์ แต่รู้กันหรือไม่ว่านักดนตรีจำนวนไม่น้อยมีปัญหาด้านสุขภาพใจ เป็นโรคเครียดโรคซึมเศร้าก็เยอะ ส่วนหนึ่งเพราะดนตรีในประเทศไทยไม่มีความมั่นคง มีความกดดันในชีวิตสูงไม่ว่าจะมาจากสังคม คนรอบข้าง ตัวเอง และอีกส่วนหนึ่งคือดนตรีนั้นมีความเกี่ยวข้องทางอารมณ์สูง นักดนตรีจึงเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มอารมณ์อ่อนไหวได้อย่างง่ายดาย
ในใจลึก ๆ ของคนที่เล่นดนตรีนั้นก็อยากให้ผู้คนที่ได้ฟังรู้สึกมีความสุข มีคนยอมรับในผลงาน หรือเจาะจงลงไปก็ได้ว่าดนตรีที่ถูกรังสรรค์ออกมานั้นมีคุณค่าไม่ว่าด้านใดก็ด้านหนึ่ง บ้างก็ก็อยากให้มีคนฟังเพลงตัวเองเยอะ ๆ แต่ไม่ชอบเล่นสด ชอบทำเพลง บางคนก็ชอบคัฟเวอร์ บางคนขอแค่ได้ซ้อมกับเพื่อน ๆ ก็พอใจ หลายคนที่ไม่มีโอกาสได้ทำงานกับดนตรีเป็นอาชีพหลักก็ยังคงใช้ดนตรีเป็นอาชีพเสริม หรือใช้เป็นงานอดิเรกที่เติมเต็มความฝัน เพราะในความเป็นจริงของคนจำนวนไม่น้อย งานดนตรีในประเทศไทยเป็นงานที่หาความมั่นคงได้ยาก ยิ่งเจอสภาวะที่การท่องเที่ยวหดหาย รัฐบาลสั่งปิดตามใจชอบแบบไม่เยียวยาไม่หาแผนรองรับ ปัญหาเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ประจักษ์ชัดเจนขึ้นมา
ในมุมมองของมานุษยโรแมนติกบางจำพวกที่กินหรูอยู่สบายในสายงานดนตรีอาจพูดได้ว่ากินอุดมการณ์ไปสิ ของแบบนี้ต้องกัดฟันทำให้ถึงที่สุด แต่อาจจะลืมไปว่าแท้ที่จริงแล้วถ้าไม่มีลมหายใจเราก็ไม่มีทางไปได้ไกลหรือไปถึงฝันหรอก ดังนั้นคนเล่นดนตรีบางคนจึงแบ่งรับแบ่งสู้ทำงานอื่นเพื่อหาเลี้ยงชีวิตและเอาเงินที่ได้มาเติมฝัน เพราะอุดมการณ์นอกจากกินไม่ได้แล้วหลายครั้งอุดมการณ์ก็พาเราไปตายเปล่าเสียด้วย
ความสำเร็จในการเล่นดนตรีของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน บางคนพอใจที่แค่เล่นเพลงบางเพลงได้ บางคนแค่อยากลองฟังเสียง ลองไอเดีย บางคนแค่ร้องเพลงกับคนที่ตัวเองรักก็พอใจแล้ว ในขณะที่คนที่ลุ่มหลงในดนตรีความสำเร็จอาจจะเป็นการได้เล่นแสดงในเวทีใหญ่ของเฟสติวัลสักงาน และมีผู้คนที่ฝันไกลจำนวนไม่น้อยที่ยอมทุ่มเททั้งชีวิต ไม่ว่าเงินทอง ความสัมพันธ์ หรือสุขภาพเพื่อไปให้ถึงฝันเหล่านั้น ไม่แตกต่างจากเพลงไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวันที่เจ้าไม้ขีดไฟน้อย ๆ ยอมเผาผลาญตัวเองเพื่อให้สมหวังแม้เพียงชั่วคราว
ดังนั้นเหตุผลที่คนจำนวนไม่น้อยยังดื้อด้าน หรือฝ่าฟันหนทางไปข้างหน้าอยู่เพราะยังคงรักในดนตรี ยังคงหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเสียงที่จับต้องได้ด้วยหูและการสั่นสะเทือน ยังคงมีเรื่องราวอีกมากมายที่ถูกเรียงร้อยไว้ในเสียงดนตรี แล้วคุณยังจำกันได้ไหมว่าเพลงแรกที่คุณหลงรักคือเพลงอะไร เพลงแรกที่คุณร้องไห้ไปด้วยกันคือเพลงไหน และเพลงไหนที่พาคุณย้อนเวลาไปได้ทุกครั้งเมื่อได้ฟัง?
ลองกลับมาย้อนฟังเพลงของศิลปินที่คุณรักและสนับสนุนพวกเขากันเถอะครับ
ทศธิป สูนย์สาทร
ผู้หลงใหลในเสียงดนตรี ความงาม และเทคโนโลยี
--------------------
Ref:


