เตรียมยื่นตีความโอนผู้ประกันตนไปบัตรทอง
ถกโอนผู้ประกันตนไปบัตรทองเจอทางตัน สปส.-สปสช.เห็นพ้องส่งตีความประเด็นโอนผู้ประกันตนไปแล้ว สปส.ต้องจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย์ให้สปสช.ด้วยหรือไม่
ถกโอนผู้ประกันตนไปบัตรทองเจอทางตัน สปส.-สปสช.เห็นพ้องส่งตีความประเด็นโอนผู้ประกันตนไปแล้ว สปส.ต้องจ่ายเงินค่าบริการทางการแพทย์ให้สปสช.ด้วยหรือไม่
วันที่ 13 ก.ค. เวลา 10.00 น. มีการประชุมร่วมระหว่างตัวแทนสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อหารือเรื่องการโอนผู้ประกันตนจากประกันสังคมไปรับบริการกับสปสช. หรือบัตรทอง ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545
ทั้งนี้ที่ประชุมได้หารือถึงข้อเสนอจากสปสช.ซึ่งพร้อมจะรับผู้ประกันตนไปดูแล โดยจะให้สิทธิการรักษาพยาบาลไม่น้อยกว่าเดิม และจะได้สิทธิประโยชน์อื่นๆที่บัตรทองให้มากกว่าประกันสังคมอีกกว่า 30 รายการ แต่สปส.ต้องจ่ายเงินค่าจัดระบบบริการทางการแพทย์ให้ สปสช.เป็นจำนวนเงินกว่า 2.2 หมื่นล้าน เป็นระยะเวลา 3 ปี
อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าว ตัวแทนสปส.คัดค้านว่าไม่ควรต้องจ่ายเงินให้สปสช. เนื่องจากเป็นการขัดกับมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยการร่วมจ่ายเงินของผู้ใช้บริการ โดยระบุว่าปัจจุบัน สปสช.ให้บริการประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หากสปส.ต้องโอนผู้ประกันตนไปใช้บริการของสปสช.ก็ไม่ควรต้องเสียค่าจัดบริการทางการแพทย์ด้วยเช่นกัน
นพ.วิชัย โชควิวัฒน กรรมการ สปสช. กล่าวว่า ตัวแทนทั้ง 2 ฝ่ายเห็นต่างเกี่ยวกับการตีความตามมาตราดังกล่าว จึงควรให้หน่วยงานที่มีอำนาจมาตีความให้ชัดเจนเสียก่อน โดยสปสช.เสนอว่าควรส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ส่วนฝ่าย สปส.เห็นว่าควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วย
นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการ สปส. กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องชัดเจนเสียก่อนคือ สปส.ต้องจ่ายเงินหรือไม่ ถ้าจ่ายต้องจ่ายเท่าใด สิ่งที่สปส.กังวลคือการจ่ายเงินค่าจัดบริการทางการแพทย์ให้สปสช.อาจเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเงินของสปส.มีองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ เงินสมทบจากลูกจ้าง นายจ้างและส่วนที่รัฐบาลร่วมจ่าย
"เป็นคำถามว่าถ้าเอาเงินของลูกจ้างและนายจ้างไปให้สปสช.จะขัดกับกฎหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตีความ เช่น อาจให้จ่ายเฉพาะส่วนที่รัฐร่วมสมทบประมาณ 8,000 ล้านบาทเท่านั้นก็ได้ แต่ต้องมีหน่วยงานที่ให้ความชัดเจน"นายปั้น กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่ได้สรุปว่าจะส่งเรื่องให้หน่วยงานใดเป็นผู้ตีความ โดยให้ทั้ง 2 ฝ่าย กลับไปเตรียมประเด็นคำถาม จากนั้นนำมาพิจารณาร่วมกันอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 5 ส.ค.ที่จะถึงนี้
นายปั้น กล่าวว่า ที่ประชุมยังตกลงให้ทั้ง 2 ฝ่ายจัดทำรายละเอียดในการโอนผู้ประกันตน และรายละเอียดสิทธิประโยชน์ วิธีการเข้าถึงบริการซึ่งบางอย่างยังมีความแตกต่างกันอยู่ โดยให้เหตุผลว่าเตรียมการไว้สำหรับการโอนผู้ประกันตนในอนาคต


