posttoday

ไอดอลตำรวจไทย กระผม...ผู้กองเต็มใจให้บริการ...ครับพ้ม

01 พฤษภาคม 2554

สายตาเย็นชาที่เคยมีให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างหวาดระแวง ต่อจากนี้ไปต้องทราบแล้วเปลี่ยน เพราะมี “ผู้กองเต็มใจ” ตำรวจที่จะมาเป็นไอดอลให้กับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์....

สายตาเย็นชาที่เคยมีให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างหวาดระแวง ต่อจากนี้ไปต้องทราบแล้วเปลี่ยน เพราะมี “ผู้กองเต็มใจ” ตำรวจที่จะมาเป็นไอดอลให้กับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์....

โดย...ธนก บังผล

สายตาเย็นชาที่เคยมีให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างหวาดระแวง ต่อจากนี้ไปต้องทราบแล้วเปลี่ยน เพราะมี “ผู้กองเต็มใจ” ตำรวจที่จะมาเป็นไอดอลให้กับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

ร.ต.อ.เต็มใจ ให้บริการ คือชื่อและนามสกุลของเขา ถือเป็นมิติใหม่ที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งบรรจุในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ร่วมกับ “จ่าเฉย” ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)

พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.5 บก.ป.) เล่าถึงแนวคิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่บรรจุผู้กองเต็มใจมาทำงานว่า ผู้กองเต็มใจเป็นทฤษฎีหนึ่งของตำรวจสมัยใหม่ ที่เรียกว่า Community Police (CP) หรือตำรวจผู้รับใช้ชุมชน

ไอดอลตำรวจไทย กระผม...ผู้กองเต็มใจให้บริการ...ครับพ้ม ร.ต.อ.เต็มใจ

วัตถุประสงค์ของผู้กองเต็มใจก็เหมือนจ่าเฉยที่ บช.น.นำมาวางตาม 4 แยก เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนกระทำความผิดกฎจราจร ที่มาของผู้กองเต็มใจ เกิดจากตอนที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มียศพันตำรวจโท เป็นรองผู้กำกับ สน.บางขุนนนท์ ได้นำทฤษฎีตำรวจรับใช้ชุมชนมาปฏิบัติเป็นครั้งแรก ถือว่าได้ฝึกงานมานาน พอมาเป็น ผบช.ก.ได้ 3 เดือน ก็เลยให้ผู้กองเต็มใจมาปฏิบัติหน้าที่ใน บช.ก.เสียเลย

ผู้กำกับอธิป อธิบายว่า ตำรวจรับใช้สังคมมีหน้าที่แตกต่างจากตำรวจชุมชนสัมพันธ์ เพราะตำรวจชุมชนสัมพันธ์จะเข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้าน เข้าไปช่วยกิจกรรม ร้องรำทำเพลงเพื่อความสนิทสนมกับชุมชน แต่ตำรวจรับใช้สังคมจะเข้าไปหาชุมชนสร้างความคุ้นเคย เป้าหมายคือลดความหวาดระแวง

เมื่อมีเหตุในชุมชน หัวหน้าชุมชนก็สามารถแจ้งผู้กองเต็มใจซึ่งเป็นตำรวจรับใช้สังคมได้ เราไม่เน้นการจับกุม แต่ใช้ทฤษฎีบังคับใช้กฎหมายแทน เราเรียกว่า Law Enforcement ซึ่งในต่างประเทศมีการวิจัยแล้วว่าสามารถป้องกันอาชญากรรมได้ผลกว่าการปราบปราม

ประเทศที่ทำแล้วสำเร็จ คือ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดย William J.Bratton สามารถลดอาชญากรรมจาก 100% เหลือประมาณ 20% เท่านั้น

ถือเป็นการถ่ายทอดแนวคิดทฤษฎีตำรวจยุคใหม่ เน้นการปกป้องคุ้มครองและให้บริการประชาชน มีกลยุทธ์ในการส่งเสริมความสงบเรียบร้อยในสังคม ที่เรียกว่า แนวความคิดของตำรวจกลับหลังหัน คือ หันกลับมาหาประชาชน เพื่อแสวงหาความร่วมมือและความไว้วางใจจากประชาชน ตลอดจนมีจิตวิญญาณของความเป็นตำรวจยุคใหม่ เต็มใจรับใช้ให้บริการประชาชน

ผู้กองเต็มใจจะทำงานร่วมกับตำรวจชุมชนสามยอดของกองปราบฯ เข้าไปในชุมชน ทำงานร่วมกันระหว่าง บช.ก. กับ บก.ป. เราจะทำให้ประชาชนเห็นผู้กองเต็มใจก็จะรู้ทันทีว่ามาให้คำปรึกษา ไม่ได้เข้าไปหาเรื่องชาวบ้านเขา แรกๆ อาจจะมองเห็นภาพยาก แต่ผู้การพงศ์พัฒน์จะทำให้เห็นผ่านจ่าเฉยและผู้กองเต็มใจ

สำหรับแนวความคิดของผู้กองเต็มใจ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ในอีกมุมหนึ่ง คือ เข้าไปในชุมชนให้ชุมชนคิดโครงการป้องกันอาชญากรรมเอง โดยมีตำรวจเป็นที่ปรึกษาร่วมมือ เป็นการทำงานที่สอดคล้องกับตำรวจชุมชนสามยอด ส่วนอาชญากรรมในชุมชนพวกนักค้ายาเสพติด ผู้เสพ โจรฉกชิงวิ่งราวที่มีอยู่ ผู้กองเต็มใจจะประสานในการแจ้งตำรวจท้องที่ให้

“ผมเน้นว่าผู้กองเต็มใจจะเข้าไปป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรมในชุมชน เน้นก่อนอาชญากรรมเกิด คงไม่มีหุ่นผู้กองเต็มใจไปตั้งวางอยู่ตามหมู่บ้าน สี่แยก หรือชุมชน แต่เราจะมีเครื่องหมายผู้กองเต็มใจซึ่งกำลังเตรียมการอยู่ อีกไม่นานก็จะได้เห็นเครื่องหมายนี้ติดอยู่กับชุดของตำรวจนอกเครื่องแบบ”

ไอดอลตำรวจไทย กระผม...ผู้กองเต็มใจให้บริการ...ครับพ้ม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

ในมุมมองของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ผู้นำทฤษฎี CP และ Community Oriented Policing and Problem Solving (C.O.P.P.S) หรือหลักการพัฒนาแก้ปัญหาที่พลิกผันไปตามแนวทางชุมชน อธิบายความสำคัญของการทำงานของตำรวจสมัยใหม่ไว้ว่า การจะทำให้นโยบายบรรลุความสำเร็จต้องอาศัยเทคนิคและวิธีการ เนื่องจากเทคนิควิธีการเดิมของตำรวจแบบเก่ามันไม่ได้ผลแล้ว

“โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เทคนิควิธีการก็ต้องเปลี่ยนไป เรียกได้ว่าแทบจะเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามเลย สมัยก่อนเราฟังว่าเจ้านายพูดยังไง นี่คือในองค์กรตำรวจ แต่วันนี้ตำรวจต้องฟังว่าประชาชนพูดอะไร พูดอย่างไร เราต้องฟัง” ผบช.ก.บอก

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ยกตัวอย่างว่า ผบช.ก.เป็นผู้บังคับบัญชาจากบนลงล่าง แต่วันนี้ ผบช.ก.จะต้องเข้าไปเป็นผู้รับใช้ให้บริการลูกน้อง แก้ปัญหาให้ลูกน้องเพื่อลูกน้องจะได้มีเวลาไปแก้ปัญหาให้ประชาชน

“คุณต้องรับใช้บริการลูกน้อง ไม่เช่นนั้นลูกน้องก็ไม่มีโอกาสไปบริการประชาชนเขา คุณต้องแก้ปัญหาให้ลูกน้อง ลำพังตัวเขาเองเขาแก้ไม่ได้หรอก คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าต้องไปแก้ให้”

อย่างไรก็ตาม แนวทางแก้ปัญหาของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ก็คือ ใช้หลักการพัฒนาแก้ปัญหาที่พลิกผันไปตามแนวทางชุมชน เรียกว่า Community Oriented Policing and Problem Solving (C.O.P.P.S) เป็นทฤษฎีเดียวที่ได้รับการยืนยันจากนักวิชาการแล้วว่า แก้ปัญหาการก่อการร้าย หรือความขัดแย้งต่างๆ อย่างได้ผล จุดเด่นของทฤษฎีนี้ก็คือ การลดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน

อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ พี่น้องประชาชนจะได้พบกับ ร.ต.อ.เต็มใจ ให้บริการ หรือผู้กองเต็มใจ ตามชุมชนตรอกซอกซอยทั่วประเทศ พบเจอแล้วคุยได้ ทักทายให้กำลังใจบ้าง มีปัญหาในชุมชนปรึกษาได้...ม่ายยยจับ ครับกระผม !!!

ข่าวล่าสุด

มติสมช.ย้ำจบปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องคุยกันระดับทวิภาคี