posttoday

ไทยเตรียมปล่อย18เชลยศึกกัมพูชาหลังการถอนอาวุธ-กู้ทุ่นระเบิด

07 พฤศจิกายน 2568

“สีหศักดิ์” ยืนยันการปล่อยเชลยศึกเป็นไปตามเงื่อนไขฝ่ายไทย ถอนอาวุธ-เปิดพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่มีข้อต่อรอง ไม่เกี่ยวแรงกดดันสหรัฐฯ คาดส่งตัว 12 พ.ย.นี้

KEY

POINTS

  • ไทยเตรียมปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา 18 นาย โดยคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 12 พฤศจิกายน
  • การปล่อยตัวจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อกัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขหลัก คือการถอนอาวุธหนักออกจากชายแดน และเปิดทางให้ไทยเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิด
  • กระบวนการส่งตัวคาดว่าจะดำเนินการที่ด่านชายแดนจันทบุรี-ตราด โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์จากอาเซียนและกาชาดสากลร่วมสังเกตการณ์

ไทยเตรียมปล่อยเชลยศึกกัมพูชา 18 นาย หลังถอนอาวุธ-กู้ทุ่นระเบิด

วันนี้ (7 พ.ย. 2568) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปล่อยเชลยศึกกัมพูชา 18 นาย ว่าเบื้องต้นจะมีขึ้นในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ แต่ยังต้องยืนยันจากฝ่ายทหารอีกครั้ง

เขาระบุว่า การปล่อยตัวจะเกิดขึ้นได้เมื่อกัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขของไทยครบถ้วน โดยเฉพาะ **การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน และการเปิดทางให้ฝ่ายไทยเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่นำร่อง 5 แห่ง ได้แก่

  1. บ้านสายโท 10 ใต้ จ.บุรีรัมย์
  2. ช่องเหว จ.สุรินทร์
  3. บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว
  4. บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว
  5. บ้านชำราก จ.ตราด
     

นายสีหศักดิ์ย้ำว่า “การปล่อยตัวครั้งนี้ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน ไม่มีแรงกดดันจากต่างชาติ และไม่เกี่ยวกับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสหรัฐฯ กดดันเรื่องภาษี”

ด้าน พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างเตรียมการและพิจารณาขั้นตอนส่งตัว โดยคาดว่าจะดำเนินการได้หลังเฟสแรกของการถอนอาวุธหนักเสร็จสิ้น คาดส่งตัวที่ด่านชายแดนจันทบุรี–ตราด ภายใต้การร่วมสังเกตการณ์ของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT)และกาชาดสากล

รายงานระบุว่า คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนประเมินว่า การถอนอาวุธของฝ่ายกัมพูชาจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 10 พ.ย. เร็วกว่ากำหนดเดิม 3 สัปดาห์ จากนั้นฝ่ายไทยจะใช้เวลาอีก 2–3 วันเพื่อดำเนินการธุรการก่อนส่งตัวเชลย

ก่อนหน้านี้ (4 พ.ย.) กองบัญชาการกองทัพไทยออกแถลงย้ำว่า“จะไม่ปล่อยเชลยศึกจนกว่าจะสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์”** พร้อมระบุว่าไทยไม่เสียดินแดนหรืออธิปไตยแม้แต่นิ้วเดียว และยืนยันให้กัมพูชาปฏิบัติตาม4 เงื่อนไขหลักได้แก่

1. ถอนอาวุธประเภทจรวดออกจากแนวชายแดน
2. อำนวยการเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 5 พื้นที่นำร่อง
3. ปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกม ตามแผนปฏิบัติการที่ลงนามเมื่อ 23 ต.ค. 68
4. บริหารจัดการหมู่บ้านชายแดนตามผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เมื่อ 21–22 ต.ค.

การปล่อยเชลยศึกครั้งนี้จึงถูกจับตาว่าเป็น“สัญญาณลดความตึงเครียดไทย–กัมพูชา”หลังหลายเดือนของความขัดแย้งชายแดน และเป็นบททดสอบทางการทูตสำคัญของรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน.
 

ข่าวล่าสุด

ปภ.เผยน้ำท่วมใต้เหลือ 4 จังหวัด เร่งฟื้นฟู–เยียวยาต่อเนื่อง