คนละครึ่งพลัส จุดแข็งเดียวคะแนนนิยมรัฐบาล อนุทินนักการเมืองเด่น

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 ผลสำรวจจาก “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระหว่างวันที่ 28–31 ตุลาคม 2568 จากกลุ่มตัวอย่าง 2,126 คนทั่วประเทศ สะท้อนว่า “ดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนตุลาคม” ได้คะแนนเฉลี่ย 4.02 เท่ากับเดือนกันยายนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นทางการเมืองยังทรงตัว ไม่ได้ฟื้นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ตัวชี้วัดที่ประชาชนให้คะแนนสูงสุดคือ “ผลงานของฝ่ายค้าน” เฉลี่ย 4.60 คะแนน ขณะที่ “การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส” ได้คะแนนต่ำสุดเพียง 3.58 คะแนน สะท้อนความไม่ไว้วางใจในกลไกรัฐบาลปัจจุบัน

“อนุทิน” ครองบทบาทเด่น ฝ่ายค้านแรงต่อเนื่อง

นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน ต.ค. คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 48.01 ขณะที่ฝ่ายฝ่ายค้านตกเป็นของ นางสาวรักชนก ศรีนอก ร้อยละ 37.85 ผลงานรัฐบาลที่ถูกใจประชาชนมากที่สุดคือโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ร้อยละ 64.42 ส่วนผลงานฝ่ายค้านที่ได้รับเสียงชมคือการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 53.34

ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ชี้ว่า ดัชนีเดือนตุลาคมยังไม่ขยับขึ้น เพราะประชาชน “เฝ้าดูแต่ยังไม่มั่นใจ” แม้รัฐบาลจะพยายามขับเคลื่อนนโยบายทั้งคนละครึ่งพลัสและการแก้ปัญหาไทย–กัมพูชา แต่ประเด็นสแกมเมอร์และ MOU แรร์เอิร์ธ ยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของรัฐบาล

เสียงเตือนจากนักวิชาการ: โปร่งใสคือกุญแจ

ผศ.ดร.เบญจพร พึงไชย จากโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า รัฐบาลกำลังเผชิญภาวะ “รักษาอำนาจ 4 เดือนสุดท้าย” ท่ามกลางวิกฤตหลายมิติ ทั้งปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา การฟอกเงิน ค้ามนุษย์ และกรณีแรร์เอิร์ธที่ไม่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ

เธอชี้ว่า การที่ผลงานฝ่ายค้านมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แสดงถึง “ความไม่มั่นใจต่อรัฐบาล” โดยเฉพาะด้านการแก้ทุจริตที่ได้คะแนนต่ำสุด หากรัฐบาลไม่เร่งสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในนโยบาย อาจกระทบต่อเสถียรภาพและแนวโน้มคะแนนเสียงก่อนการเลือกตั้งปีหน้า

“คนละครึ่งพลัส” คือจุดแข็งเดียวที่ยังยื้อคะแนนนิยมรัฐบาลไว้ได้ในเดือนตุลาคม แต่กระแส “ความไม่มั่นใจ” ที่ยังไม่คลี่คลาย อาจกลายเป็นแรงกดดันสำคัญในสนามเลือกตั้งที่กำลังใกล้เข้ามา