posttoday

บิ๊กเล็กพลาดแรง ทัวร์ลง ปมชาติที่3กดดันไทยเปิดด่านกัมพูชา

12 กันยายน 2568

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่ รมว.กลาโหม เรื่องชาติที่ 3 กดดันเปิดด่านกัมพูชา ถูกวิจารณ์หนักว่าใช้เครื่องมือผิดพลาด สะเทือนรัฐบาลใหม่

KEY

POINTS

  • พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ "บิ๊กเล็ก" ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังเปิดเผยว่ามี "ชาติที่สาม" (ญี่ปุ่น) กดดันให้ไทยเปิดด่านชายแดนกับกัมพูชา
  • การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวถูกมองว่าเป็นความผิดพลาดร้ายแรงด้านการสื่อสารและการทูตที่ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญด้านความมั่นคง
  • คำพูดดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ พล.อ.ณัฐพล และอาจสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้เกิดจุดอ่อนให้ฝ่ายค้านโจมตีได้

การเมืองความมั่นคงไทยกำลังเผชิญแรงสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อคำกล่าวของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลายเป็นชนวนให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์วงกว้าง ภายหลังออกมาเปิดเผยว่า “มีประเทศที่สาม” กดดันไทยให้เปิดด่านชายแดนกับกัมพูชา โดยต่อมามีการระบุว่าเป็นญี่ปุ่น เหตุการณ์นี้สะท้อนทั้งข้อผิดพลาดเชิงยุทธศาสตร์และความบกพร่องเชิงการสื่อสาร ที่ไม่เพียงทำให้ภาพลักษณ์ส่วนตัวสั่นคลอน แต่ยังส่งแรงกระเพื่อมไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล

คำกล่าวของ พล.อ.ณัฐพล ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และรักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มีน้ำหนักทางการเมืองและความมั่นคง แต่แทนที่จะช่วยเสริมความชัดเจน กลับถูกตีความเป็น “การใช้เครื่องมือผิด” ทั้งในด้านการเจรจาและการวางกลยุทธ์

อดีตหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงระดับประเทศถึงกับย้ำว่า ญี่ปุ่นควรไปกดดันกัมพูชาโดยตรง ไม่ใช่ไทย การที่ พล.อ.ณัฐพลหยิบประเด็นนี้มาเปิดเผยต่อสาธารณะ ถือเป็น “ความผิดพลาดร้ายแรง” และไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับอดีตผู้ที่เคยควบคุมกลไกความมั่นคงสูงสุดของประเทศ

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงชี้ว่า สิ่งที่ไทยควรทำในสถานการณ์นี้คือการขยายแรงกดดันต่อกัมพูชา โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายตามแนวชายแดน เช่น แก๊งสแกมเมอร์ (scammers) ซึ่งกลายเป็นปัญหาความมั่นคงข้ามชาติ แทนที่จะเน้นย้ำเรื่องการเปิดหรือปิดด่านซึ่งเป็นมาตรการทางการค้าและโลจิสติกส์

ผิดพลาดครั้งนี้สะท้อนว่า บุคลากรที่อยู่แถวหน้าด้านความมั่นคงไทยยังไม่เข้าใจทฤษฎีความมั่นคงสมัยใหม่ ที่ต้องบูรณาการมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี มากกว่าการคิดเชิงเส้นทางทหารแบบเดิม

แม้สิ่งที่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวอาจเป็นข้อเท็จจริง แต่การเปิดเผยเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ผ่านสื่อสาธารณะ ถือเป็น “ความไม่เหมาะสม” ทางการเมืองการทูต นักวิชาการด้านความมั่นคงเตือนว่า คำพูดดังกล่าวอาจสร้างผลลบต่อทั้งตัว พล.อ.ณัฐพลเอง และรัฐบาลชุดใหม่ เพราะถูกตีความว่าเปิดเผยความลับทางการเจรจาระหว่างประเทศ

บางเสียงถึงขั้นเปรียบเปรยว่า “นายตายเรียบ” หมายถึงทีมที่ พล.อ.ณัฐพลสังกัดอยู่เสี่ยงได้รับผลกระทบทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายการเมืองคาดว่านายอนุทินจะไม่เปลี่ยนตัว พล.อ.ณัฐพล เพราะทั้งสองเคยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในช่วงวิกฤตโควิด-19 และมีความไว้วางใจต่อกันสูง

รศ.ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ความเห็นว่า การปิด-เปิดด่านชายแดน ไม่ใช่ตัวชี้วัดโดยตรงของความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา แต่เป็นตัวชี้วัดเชิงพฤติกรรมทางสังคมและการเมือง ที่สะท้อนระดับความไว้วางใจของประชาชนต่อรัฐบาล หากรัฐบาลใหม่ไม่เร่งแก้ไขปัญหาชายแดนนี้ อาจถูกตีความว่า “ขาดความจริงใจ” และบั่นทอนความไว้วางใจจากสังคม

ตัวชี้วัดที่แท้จริงของสถานการณ์ไทย-กัมพูชามี 3 ประการ คือ

  • การลดหรือยุติการปะทะทางทหาร
  • การถอนกำลังหรือลดการใช้กำลัง
  • การลดการละเมิดเขตแดนและอธิปไตย

ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงระดับความร่วมมือและการประสานผลประโยชน์ที่ยั่งยืนกว่าการเปิดด่านเพียงอย่างเดียว

ในเชิงการเมือง เรื่องนี้เป็นบททดสอบใหญ่ของรัฐบาลชุดใหม่ เพราะ พล.อ.ณัฐพลอยู่ในตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีกลาโหม การที่เกิดข้อผิดพลาดด้านการสื่อสารเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่ง อาจถูกใช้เป็น “จุดโจมตี” จากฝ่ายค้าน
อีกทั้งยังสะท้อนถึงความเสี่ยงที่รัฐบาลใหม่อาจต้องแบกรับ หากรัฐมนตรีในทีมแสดงท่าทีไม่รอบคอบต่อประเด็นความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 ปม “ชาติที่สามกดดันไทยเปิดด่านกัมพูชา” กลายเป็นตัวอย่างของความผิดพลาดเชิงกลยุทธ์และการสื่อสารในระดับสูง แม้ พล.อ.ณัฐพลจะยังมีโอกาสชี้แจง แต่แรงกดดันจากทั้งอดีตผู้บริหารหน่วยงานความมั่นคง นักวิชาการ และสังคม กำลังทวีความเข้มข้น กรณีนี้จึงไม่ใช่เพียงประเด็นส่วนบุคคล แต่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของการจัดการความมั่นคงไทยในยุคใหม่ ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจที่ลึกซึ้งและการวางยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับบริบทภูมิรัฐศาสตร์โลกมากกว่าที่ผ่านมา
 

ข่าวล่าสุด

อนุทินบินด่วนลงพื้นที่ชายแดน หวั่นสถานการณ์ไทย–กัมพูชาปะทุ