ชนวนขัดแย้งชายแดน : โดรนปริศนา : การสู้ศึกที่ดินเขากระโดง

ความตึงเครียดชายแดน: ชนวนโดรนและการสู้ศึกที่ดิน

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ชนวนความขัดแย้งล่าสุดปะทุขึ้นเมื่อโดรนปริศนาบินเข้ามาสำรวจพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของไทย ตามมาด้วยการที่สมเด็จฮุน เซน โพสต์โจมตีประเทศไทยอย่างเปิดเผยผ่านทางเฟซบุ๊ก

แม้จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เพื่อหาทางออก แต่การเจรจากลับไม่เป็นผล เมื่อฝ่ายไทยเสนอแนวทาง 8 ข้อ ทว่ากัมพูชายังคงยืนยันที่จะเจรจาในระดับทวิภาคีเท่านั้น

ในขณะที่ฝ่ายทหารก็ออกมาเคลื่อนไหว กองทัพไทยได้ดำเนินการทางกฎหมายกับกัมพูชาในข้อหาบุกรุกและโจมตีพลเรือน สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดนี้สร้างความกังวลให้กับประชาชนที่อาศัยตามแนวชายแดน เพราะต่างหวั่นเกรงว่าประวัติศาสตร์ความขัดแย้งจะซ้ำรอย และอาจเกิดการปะทะกันขึ้นอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตถึงกลยุทธ์ที่แนบเนียนของกัมพูชาในการเข้ายึดดินแดน ซึ่งเริ่มต้นจากการเข้ามาตั้งชุมชนและตลาดในพื้นที่ของไทย ก่อนที่จะส่งทหารเข้ามาดูแลและตั้งค่ายในที่สุด
 

ปัญหาที่ดินเขา-กระโดง: เปิดเกมสู้กับนอมินี

ปัญหาที่ดินเขา-กระโดงกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อหลายฝ่ายเริ่มออกมาเคลื่อนไหวพร้อมเพรียงกัน ทั้งกลุ่มผู้ครอบครองที่ดินและหน่วยงานภาครัฐ

ความเคลื่อนไหวล่าสุด เริ่มต้นจาก กลุ่มผู้ครอบครองที่ดินกว่า 995 ราย ที่นัดรวมตัวกันในวันที่ 7 สิงหาคม เพื่อแถลงข่าวและยืนยันสิทธิ์ครอบครองที่ดินกว่า 5,083 ไร่ ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกไป นายเนวิน ชิดชอบ ได้โพสต์ข้อความที่ถูกตีความว่าเป็นการให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงบุคคลสำคัญจากพรรคภูมิใจไทยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ได้แก่ นายศักดิ์สยาม, นายชัชนก และนายอนุทิน

ในมุมมองทางกฎหมาย ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นอย่างชัดเจนว่าการแถลงข่าวไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด ผู้ที่ต้องการต่อสู้คดีต้องยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอเพิกถอนคำสั่งเท่านั้น

ด้านกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ก็ได้รับคดีนี้เป็น "คดีพิเศษ" โดยมุ่งเป้าไปที่การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าพนักงานและการฟอกเงิน DSI ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าอาจมีการใช้ "นอมินี" ในการถือครองที่ดินเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวอีกด้วย

ที่มาประกอบเนื้อหารายงานข่าว เนชั่นอินไซต์