posttoday

DSI โวยถูกดิสเครดิตสอบสวนคดีฮั้วเลือกสว.ไม่ได้มีการข่มขู่พยาน

06 พฤษภาคม 2568

กรมสอบสวนคดีพิเศษยันส่งเจ้าหน้าที่ DSI ลงพื้นที่สอบคดีฮั้วเลือกสว.จริงไม่มีข่มขู่พยานตามรายงานผู้ว่าฯอำนาจเจริญ

กรณีนายณรงค์ เทพเสนา ผวจ.อำนาจเจริญ ทำหนังสือลับ ด่วนที่สุดที่ อจ 0018.2/3 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อง รายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ขอสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 2 ราย ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเครื่องหมายใด ๆ ที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยได้เข้าไปในบ้านของอดีตผู้สมัคร สว. และถอดปลั๊กไฟของกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ให้มีการบันทึกภาพและเสียงและพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งได้บังคับให้อดีตผู้สมัคร สว. รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดในการฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

พ.ต.ต.วรณัน  ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภคในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ DSI ลงพื้นที่ในคดีความผิดฐานอั้งยี่ กรณีสอบสวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ได้มีการติดต่อประสานงานก่อนเข้าพบ เพื่อสอบสวนปากคำพยาน โดยแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายจริง

ขณะเดียวกันพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้รับรายงานเบื้องต้น การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมกับพยานหลักฐานการสอบสวนแล้ว ยืนยันได้ว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 รายดังกล่าว คือ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอส่วนภาค กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ได้ลงพื้นที่ไปยังสถานที่ดังกล่าวจริง เพื่อดำเนินการสอบสวนปากคำพยาน โดยไม่ได้มีพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวอ้าง ไม่มีการข่มขู่คุกคามพยาน เพราะเป็นการซักถามข้อมูลตามปกติ

อีกทั้งปัจจุบันนี้ หากพยานรายใด หรือผู้ใดยืนยันว่าตนเองถูกเจ้าหน้าที่รัฐข่มขู่บังคับให้รับสารภาพ หรือไม่เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจริง หรือเป็นผู้ที่ไม่สุจริต คงจะมีการบันทึกภาพเคลื่อนไหว นำมาเป็นหลักฐานได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ หลักการสอบสวนปากคำพยาน ต้องดำเนินการด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม ไม่มีความจำเป็นต้องข่มขู่เช่นนั้น ทั้งนี้ มองว่าหนังสือและรายละเอียดที่ปรากฏออกมา เหมือนเป็นลักษณะการใช้ดิสเครดิตการทำหน้าที่ของดีเอสไอหรือไม่”

ขณะที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยอ้างมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ข่มขู่อดีตผู้สมัคร สว. ให้ยอมรับว่ามีการฮั้ว สว. เกิดขึ้น ว่า ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปตรวจสอบที่จังหวัดอำนาจเจริญ และพยานบุคคลกว่า 10 ปาก ซึ่งพยานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ส่วนเรื่องหนังสือของผู้ว่าฯ นั้น กำลังตรวจสอบ เนื่องจากโดยหลักการสอบสวนคดีพิเศษ เรามีกฎหมายมาตรา 22 ถ้าเป็นคดีพิเศษผู้ว่ามีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน หากมีการประสานงานไปต้องให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือจะมีโทษที่เกี่ยวข้องจำคุก1-10 ปี ซึ่งได้ให้อธิบดีดีเอสไอ ใช้กฎหมายและข้อบังคับ เพราะที่อำนาจเจริญมีพยานกว่า 300 ปาก แต่ไม่จำเป็นต้องสอบทั้งหมด เนื่องจากได้หลักฐานที่เป็นพยานวัตถุ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ สามารถย้อนกลับไปดูในที่เกิดเหตุได้ รวมถึงร่องรอยทางโทรศัพท์

ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีอุปสรรคในการสืบสวนสอบสวน แต่ถ้ามีอุปสรรคก็ขอให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ใช้กฎหมายและข้อบังคับ ที่ออกในปี 2547 ดำเนินคดีได้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด 


เมื่อถามว่า เหตุใดผู้ว่าฯ ถึงได้แจ้งว่ามีการข่มขู่พยาน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ยังไม่เคยแจ้งมาที่ตน หากผู้ว่าฯ พบการข่มขู่ ขอให้รายงานมาที่ตน อีกทั้งพนักงานสอบสวนของดีเอสไอลงพื้นที่อำนาจเจริญตามคำเรียกร้องของพยาน ว่าถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงอยากให้ดีเอสไอไปสอบปากคำ ขณะเดียวกันไม่มีเงินที่จะเดินทางมาที่ กทม.

ส่วนขั้นตอนคดีการฮั้วเลือก สว. จะเสร็จแล้วหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการของพนักงานสอบสวน ตนไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ไม่มีปัญหาและอุปสรรค

เมื่อถามว่า คดีนี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องการเมือง ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน เพราะเรื่องเป็นคดีพิเศษก็ว่ากันไป ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน จะทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย ข้อบังคับ และพยานหลักฐาน ไม่ได้ เช่นเดียวกันบุคคลจะมีอิทธิพลเหนือกฎหมายไม่ได้

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา