รอมฎอน เตือนรัฐบาล อย่าดับไฟใต้ด้วยไฟ หาช่องเจรจาทางออกสู่สันติ
รอมฎอน ปันจอร์ เตือนรัฐอย่าดับไฟใต้ด้วยไฟ เรียกร้องทุกฝ่าย หยุดใช้กำลังตอบโต้ และหันมาใช้การสื่อสารเพื่อแสวงหาทางออกอย่างสันติ
นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กลับมาปะทุถี่ขึ้น โดยเฉพาะกรณีการเสียชีวิตของพลเรือนและครูสอนศาสนา ซึ่งอาจขยายความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้น พร้อมเตือนรัฐบาลอย่าตอบโต้ด้วยกำลัง เพราะจะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์
รอมฎอนระบุว่า ขณะนี้มีเสียงเรียกร้องให้ใช้มาตรการแข็งกร้าวมากขึ้น แต่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา บทเรียนจากการใช้กำลังพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน พร้อมเผยว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างจัดทำยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ใหม่ตามคำสั่งของ "ภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกฯ ซึ่งกำหนดส่งรายงานภายใน 7 วัน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน
“เคยมีแนวคิดจะเน้นใช้กำลังมากขึ้น แต่ยังไม่มีฉันทามติ และแม้มีการประสานผ่านคนกลางให้ BRN หยุดใช้ความรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอน แต่ก็ล้มเหลว” รอมฎอนกล่าว พร้อมเสนอให้รัฐบาลกลับมาใช้แนวทางการเมือง เปิดกว้างสื่อสารสาธารณะ และสานต่อกระบวนการพูดคุยสันติภาพโดยเร็ว
นายรอมฎอน ยังเตือนว่าหากรัฐบาลไม่สื่อสารแนวทางแก้ปัญหาอย่างชัดเจน ความคิดสุดโต่งในสังคมจะยิ่งทวีแรงกดดันให้ใช้มาตรการรุนแรง ทั้งยังมีข้อเสนอให้ตรากฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายมาแทนกฎหมายพิเศษเดิม ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ของการยกระดับการปราบปราม
นายรอมฎอนยังแสดงความห่วงใยว่าหากใช้ความรุนแรงตอบโต้ การควบคุมสถานการณ์อาจหลุดมือรัฐบาลพลเรือน และชีวิตพลเรือนในพื้นที่จะตกอยู่ในความเสี่ยง พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะ BRN หยุดใช้กำลัง และหันมาใช้การสื่อสารเพื่อแสวงหาทางออกสันติ
“ถ้าเรายังใช้กำลังตอบโต้กัน โอกาสที่จะยุติความขัดแย้งอย่างสันติจะยิ่งห่างไกล และเสียงของแนวคิดสุดโต่งจะแข็งแรงขึ้น” นายรอมฎอนกล่าว
ภูมิธรรมขีดเส้น 7 วัน แก้ไฟใต้ – เร่งเดินหน้ายุทธศาสตร์เชิงรุก
ก่อนหน้านี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สั่งการให้กองทัพบกและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งจัดทำยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน พร้อมย้ำให้เกิด “การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ” ด้วยแผนปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อรับมือความรุนแรง
นายภูมิธรรมยังระบุว่า รัฐบาลไทยพร้อมพูดคุยสันติสุขกับ "ผู้นำตัวจริง" ของ BRN ที่มีอำนาจหยุดความรุนแรงได้จริง ไม่ใช่ตัวแทนที่ไม่มีอำนาจ พร้อมยืนยันเงื่อนไขว่า “ประเทศไทยต้องเป็นรัฐเดียว แบ่งแยกไม่ได้” ส่วนการกระจายอำนาจสามารถหารือภายหลังได้
คำสั่งล่าสุดของนายภูมิธรรมเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ยังน่าวิตก โดยตลอดเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยังมีเหตุความรุนแรงต่อเนื่องหลายกรณี
สุปเหตุการณ์ความรุนแรงที่สำคัญเดือนเมษายน2568
- เหตุปิดล้อมและควบคุมตัวในปัตตานี
ตลอดเดือนเมษายน มีการปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดปัตตานีถึง 11 ครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวประชาชน 11 ราย และมีการเก็บตัวอย่าง DNA เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบ - การโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐในวันครบรอบ 21 ปีเหตุการณ์กรือเซะ
เมื่อวันที่ 28 เมษายน ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 21 ปีเหตุการณ์กรือเซะ ได้เกิดเหตุรุนแรงหลายจุดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการยิงเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) เผารถยนต์ และวางระเบิดดักโจมตีตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) . - การใช้ระเบิดแสวงเครื่องและคาร์บอมบ์
- มีการใช้ระเบิดแสวงเครื่องและคาร์บอมบ์ในหลายพื้นที่ เช่น การปาไปป์บอมบ์ 2 ลูกใส่ฐานทหารพรานในอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย


