เช็กเสียงกคพ. ล่าสุดลุ้นรับฮั้วเลือกสว.เป็นคดีพิเศษหรือไม่
เช็คเสียงกคพ.ล่าสุด ก่อนประชุมบ่ายโมงครึ่ง รับฮั้วเลือกสว.เป็นคดีพิเศษหรือไม่ หลัง DSI มีหนังสือลับถึงกกต. ระบุชัดพฤติกรรมทำเป็นขบวนการ มีการจ่ายค่าจ้าง ความผิดเข้าข่าย "อั้งยี่"
บ่ายวันนี้ (25ก.พ.2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะรับคดีฮั้วเลือกสว.เป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยมีคณะกรรมการ เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วย
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองประธานกรรมการ
นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม
ปลัดกระทรวงการคลัง
ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ปลัดกระทรวงพาณิชย์
อัยการสูงสุด
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
เจ้ากรมพระธรรมนูญ
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
นายกสภาทนายความ
และผู้ทรงคุณวุฒิ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง อีก 9 ราย
ร่วมเป็นคณะกรรมการ
การประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษวันนี้ มี พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ ในการประชุม มีวาระ การรายงานผลการดำเนินคดีสำคัญและการพิจารณารับคดีอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษด้วย ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 อาคารกระทรวงยุติธรรม
เช็กเสียง คณะกรรมการคดีพิเศษ
คณะกรรมการมี 22 คน การพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ในฐานความผิดที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติ ต้องเป็นการเสนอโดยอธิบดีดีเอสไอ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) ใช้เสียง 2 ใน 3 = 15 เสียงขึ้นไป (2 ใน 3 คือมากกว่า 14 เสียง)
เช็กเสียงฝั่งที่ไม่น่าให้รับเป็นคดีพิเศษ ถ้าได้ถึง 7 เสียง โอกาสรับเป็นคดีพิเศษ = 0
กลุ่มที่มีแนวโน้มไม่รับเป็นคดีพิเศษ
- หัวหน้าหน่วยงานที่ปรึกษากฎหมาย
- ปลัดกระทรวงที่มีรัฐมนตรีจากค่ายสีน้ำเงิน
- กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 1 คน
- คนในเครื่องแบบสีกากี ยังไม่เกษียณ 1 คน เกษียณแล้ว 1 คน
รวม 5 เสียง
กลุ่มลังเล
- กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกอย่างน้อย 1 คน (คนมีสี)
- ผู้นำหน่วยงานเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย
รวม 2 เสียง
กลุ่มกรรมการตัวจริงขาดประชุม หรืออาจไม่เข้าประชุม แล้วส่งผู้แทน
- ปลัดกระทรวงการคลัง (ไปต่างประเทศ)
- ปลัดกระทรวงยุติธรรม (มีข่าวไปต่างประเทศ ยังไม่ชัด)
- ผู้นำหน่วยงานด้านการเงินของประเทศ (มีข่าวอาจไม่เข้าประชุม ยังไม่ชัด)
- ผู้นำหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม (อาจส่งตัวแทน)
- รวม 4 เสียง ตามมารยาท ผู้แทนจะไม่ลงมติ หรืองดออกเสียง
โอกาสที่กรรมการคดีพิเศษจะลงมติรับคดี “ฮั้ว สว.” เป็นคดีพิเศษ โดยได้เสียงถึง 15 เสียงมีความเป็นไปได้น้อยมาก
แนวทางที่จะดำเนินการต่อไป ดังนี้
- ตัวแทนรัฐบาลที่ต้องการให้รับเป็นคดีพิเศษ ยืนยันเดินหน้า แต่จะเช็กเสียงหน้างาน
- ถ้าแนวโน้มโหวตไม่ผ่าน ก็จะเสนอเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน เพื่อรอความชัดเจนจาก กกต.
ทว่าสุดท้ายมีการโหวตแล้วมติออกมา “ไม่รับเป็นคดีพิเศษ” จะแก้เกมด้วยการให้ดีเอสไอส่งสำนวนพร้อมหลักฐานทั้งหมดให้ตำรวจ
หน่วยงานตำรวจที่มีอำนาจหน้าที่ คือ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่ง กกต.ก็ขอความร่วมมือให้ตรวจสอบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการเลือก สว.ด้วยเช่นกัน
บิ๊ก กคพ.สายการเมือง มั่นใจรับ “ฮั้ว สว.” คดีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวอีกด้านหนึ่งของการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ที่จะประชุมกันช่วงบ่ายวันนี้ ว่าจะรับคดี “ฮั้ว สว.” เป็นคดีพิเศษหรือไม่
หลังจากกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา มีข่าวการล็อบบี้กันอย่างหนัก และมีความเคลื่อนไหวของ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” เดินเกมด้วยตัวเอง ทำให้มีกระแสข่าวออกมาว่า มติของคณะกรรมการคดีพิเศษน่าจะยังไม่เคาะรับเรื่องนี้ไว้เป็นคดีพิเศษ ด้วยเหตุผล ดังนี้
ข้อกฎหมายยังไม่ชัด และ กกต.ยังไม่ได้สรุปว่าจะให้ดีเอสไอเดินหน้าคดีอาญาต่อ ตามพระราชบัญญัติประกอบรับธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ พ.ร.ป.กกต. มาตรา 49 หรือไม่ เพราะดีเอสไอทำงานสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ตามที่ กกต.แต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. หรือ พ.ร.ป. สว.
กรรมการสายผู้ทรงคุณวุฒิ ยังเกรงปัญหาที่จะตามมา โดยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
กรรมการบางส่วนเอนเอียงไปทางฝ่ายสีน้ำเงิน
กรรมการโดยตำแหน่งบางส่วน ซึ่งมาจากหน่วยงานสำคัญ อาจไม่เข้าใจประชุม เพราะไม่อยากอยู่ในวังวนความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมือง ไม่อยากเปลืองตัว เนื่องจากเรื่องนี้มีประเด็นทางการเมืองอยู่เบื้องหลังด้วย
“หนึ่งในกรรมการที่เป็นฝ่ายการเมือง”เปิดเผยว่า ได้ทราบข่าวการล็อบบี้กันของบุคคลตามที่เป็นข่าวแล้ว แต่กรรมการหลายคนไม่ได้หวั่นไหวไปตามแรงกดดัน เนื่องจากดีเอสไอได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าชี้แจงให้เห็นถึงความร้ายแรงของข้อกล่าวหาและการกระทำความผิด
“กรรมการหลายคนที่มีข่าวถูกการล็อบบี้ ก็โทรศัพท์กลับมายืนยันว่ายังจะลงมติเหมือนเดิม คือ รับเป็นคดีพิเศษ ฉะนั้นจึงต้องรอดู ยังมั่นใจว่าสุดท้ายมติจะออกตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ” หนึ่งในกรรมการซึ่งเป็นฝ่ายการเมือง
อย่างไรก็ตามการรวบรวมพยานหลักฐานในชั้นสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบข้อมูลส่อถึงการฮั้วเลือก สว. จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง กกต.ว่า ปรากฎข้อเท็จจริงว่า มีขบวนการจัดตั้งให้ได้มา ซึ่ง สว.
มีการวางแผนให้มีผู้สมัครระดับอำเภอ กลุ่มละ 5 คน รวม 100 คน ในระดับอำเภอ 928 อำเภอ
ค่าตอบแทนระดับอำเภอ 5,000 บาท
ระดับจังหวัด 10,000 บาท
ระดับประเทศ 4 หมื่นถึง 1 แสนบาท
ถ้าได้ สว.มากกว่า 120 คน จะได้เพิ่มอีก 100,000 บาท
หลังจาก วันที่ 16 มิ.ย.67 ภายหลังผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัด มีขบวนการนัดหมายผู้สมัครระดับประเทศ ไปจัดทำโพยฮั้ว สว. ในพื้นที่ 3 จังหวัด
มีการจ่ายมัดจำ 2 หมื่นบาท ส่วนที่เหลือจะได้รับหลังการรับรองผล
การสืบสวนดีเอสไอยังพบโพยฮั้ว สว. มีหมายเลข จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน รวม 140 คน
พบผู้สมัครอยู่ในขบวนการราว 1,200 คน สำหรับโพยฮั้ว 2 ชุด พบว่าเป็นผู้ได้รับเลือก 138 คน อยู่ในลำดับสำรอง 2 คน


