posttoday

"ณัฐชา" ยันก้าวไกลไม่มีทางหนุน”บิ๊กป้อม” และยังคงยืนหยัดที่จะต่อสู้ต่อไป

17 สิงหาคม 2566

"ณัฐชา" ย้ำ 150 เสียงของพรรคก้าวไกลยังคงยืนยันที่จะต่อสู้ เพื่อความต้องการของประชาชน ขอเห็นโฉมหน้า รบ.ใหม่ก่อนเคาะโหวต ไม่เห็นชอบ-งดออกเสียง ยันไม่หนุน “บิ๊กป้อม”

ที่รัฐสภานายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่จะมาทำงานให้ประชาชน 4 ปีข้างหน้า ควรให้ สส. ที่เป็นตัวแทนประชาชนได้สอบถามถึงทิศทางการบริหารประเทศ เพราะที่ผ่านเมื่อครั้งโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ก็ได้เปิดกว้างให้ สส. สอบถามถึงแนวปฏิบัติ ซึ่งการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เห็นว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นมา ถ้าหาก สส. มีอะไรจะสอบถามก็สามารถเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ และชี้แจงได้ แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกล อาจจะไม่อภิปรายคุณสมบัติ เพราะที่ผ่านมาผ่านการเลือกตั้ง และประชาชนได้ตัดสินใจไปแล้ว

 

ส่วนทิศทางการโหวตนั้น ที่ประชุมมีมติไปแล้วว่าจะไม่โหวตสนับสนุนนายเศรษฐา เนื่องจากยังมีความคลุมเครือในการจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่เห็นหน้าตาของรัฐบาลใหม่ว่าเป็นอย่างไร โดยพรรคก้าวไกลจะให้โอกาสถึงวันที่ 21 สิงหาคมนี้ จะสรุปอีกครั้งว่าจะโหวตไม่เห็นชอบ หรือ งดออกเสียง แต่ถ้ายังไม่ชัดเจนก็จะโหวตไม่เห็นชอบ และต้องรอที่ประชุมว่าจะเสนอให้มีแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ พรรคก้าวไกลถึงจะมีมติลงคะแนนเสียงให้อย่างไร

 

พร้อมกันนี้ นายณัฐชา กล่าวถึงความเหมาะสมระหว่างแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ ว่า ไม่มีแนวทางหรือความเป็นไปได้ที่พรรคก้าวไกลจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกจากพรรคพลังประชารัฐ หรือเห็นว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ  เพราะที่ผ่านมาได้บอกกับประชาชนไปแล้วถึงเหตุผลที่ไม่เห็นด้วย และเห็นต่างกับพรรคพลังประชารัฐ หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และประชาชนได้ตัดสินใจแล้ว

นายณัฐชา ยังกล่าวถึงการที่พรรคก้าวไกล ไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทยนั้นสวนทางกับการจะช่วยปิดสวิตซ์ สว. ว่า วาทกรรมการบอกว่า ก้าวไกลต้องโหวตให้เพื่อไทย เพื่อปิดสวิตซ์ สว. นั้นไม่ใช่ เพราะตอนนี้ สว. กำลังใช้อำนาจของตนเองในการไม่โหวตให้พรรคที่ได้อันดับ 1 การปิดสวิตซ์ สว. คือ สว. ต้องไม่มีความหมายในการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ต้องให้เสียงของ สส. มีอำนาจมากกว่า ขณะนี้ สว. ได้ประสบผลสำเร็จแล้วที่ไม่โหวตให้พรรคอันดับ 1 และใช้กลไกบีบ ว่า จะไม่เลือกพรรคนั้นพรรคนี้ และให้กลัว สว. ถือเป็นการบีบทางอ้อม และเป็นการร่วมกันปิดสวิตซ์ก้าวไกลมากกว่า

 

พร้อมมองว่า การจับมือ 312 เสียง คือ ความชอบธรรมที่สุด และเป็นความต้องการของประชาชนมากที่สุด  เสียงที่ประชาชนเลือก 312 เสียง แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะต้องมีเสียงอื่นเข้ามาแทรกแซง และพยายามกดดันให้ 312 เสียงต้องแตกจากกัน และเมื่อวันนี้ทำสำเร็จแล้วในขั้นแรก การจะรวบรวมเสียงใหม่ก็ขึ้นอยู่กับพรรคแกนนำจะตัดสินใจ จะรวบรวมเสียงเพิ่มจาก 312 เสียงก็สามารถทำได้ หรือ จะไปรวบรวมใหม่ก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งเป็นแนวความคิดของเขา และไม่ตรงกับแนวคิดของพรรคก้าวไกล จึงไม่สามารถโหวตให้ได้

ทั้งนี้หากมีช่องทางที่จะเสนอให้นายพิธากลับมาได้อีกครั้งพรรคก้าวไกลก็จะดำเนินการ เพราะได้รับความมอบหมายจากประชาชนแล้ว ไม่สามารถล้มเลิกได้อย่างง่าย วันนี้ 150 เสียงของพรรคก้าวไกลยังคงยืนยันที่จะต่อสู้ เพื่อความต้องการของประชาชน แต่เราไม่สามารถทำได้ เพราะเรามีเสียงสนับสนุนไม่เพียงพอ   

 

“ประชาชนออกมากดดัน สส.ทุกพรรคการเมือง อยากให้เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตยที่พรรคอันดับ 1 ควรได้เป็นนายกรัฐมนตรี เราต้องพูดเรื่องนี้กันซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้ง เพราะเกิดความไม่ปกติในสังคม มีคนพยายามบิดเบือน พยายามพูดว่า รวมเสียงกันฟากฝ่ายหนึ่งชนะก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งความจริงแล้วเป็นเรื่องผิดปกติในระบอบประชาธิปไตย”